ปานเทพ เผยแล้วสาเหตุที่ "แม่แตงโม" ตัดสินใจมอบหมายให้จัดการทุกอย่าง

อ.ปานเทพ เผยแล้วสาเหตุที่ "แม่แตงโม" ตัดสินใจมอบหมายให้จัดการทุกอย่าง ลั่นคดีแตงโมไม่เงียบ มีข้อมูลที่ลึกมาก ชนิดที่เรียกว่าได้ยินแล้วตกใจ

จากกรณีที่ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่อดีตดาราสาวแตงโม นิดา ที่พลัดตกเรือเสียชีวิต เดินทางมายื่นเรื่องเพื่อขอคัดคำพิพากษาคดีแตงโมนำไปใช้ประกอบการยื่นอุทธรณ์ พร้อมมอบหมาย “อาจารย์ปานเทพ” จัดการทุกอย่างให้ ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น

ล่าสุด อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ให้ความเห็นกรณีคุณแม่แตงโมให้สัมภาษณ์ว่ามอบหมายให้จัดการทุกอย่าง ในรายการนิวส์ อาว โดยระบุว่า

มีคนเป็นห่วงผมเยอะเลย ทุกคนก็บอกว่าคุณแม่เปลี่ยนทนายมาโดยตลอด และส่วนใหญ่ก็จะจบไม่ค่อยดี แต่อยากจะบอกคุณผู้ชมว่า ทำไมผมถึงตัดสินใจให้คุณแม่เดินเข้าบ้านพระอาทิตย์ได้

ซึ่งหลายคนก็ตั้งคำถาม ก็อยากจะบอกว่า เพราะว่าในขณะนั้นทีมทนายของคุณแม่ไม่ได้คิดเหมือนกับเรา ดังนั้นการที่เราจะคุยกันมันจึงเป็นเรื่องยาก อย่างสส.เต้ก็ดูแลคุณแม่ดี แต่บางคำพูดก็เหมือนกับว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ผิด ซึ่งจริงๆไม่ต้องพูดก็ได้ แต่การพูดทำให้เรารู้สึกว่าเราอาจจะยังมีแนวทางไม่เหมือนกัน

แต่เมื่อถึงวันหนึ่งคุณแม่แพ้คดีความ เมื่อคุณแม่เดินทางมาที่บ้านพระอาทิตย์เจอกันครั้งแรก ก็สืบเนื่องมาจากคุณแม่ไปหาพี่ยักษ์ ที่ดีเอสไอ จากเดิมมาที่บ้านพระอาทิตย์แล้วไม่เจอใคร แล้วก็ร้องไห้อยู่มอบเอกสารบางส่วนมา ไปเจอพี่ยักษ์ ก็บอกว่าต้องการเจอผม ผมก็เห็นว่าพี่ยักษ์เป็นคนนึงที่ทำงานจริง ผมก็เลยโทรนัดหมายให้มาคุย

ในรายละเอียด 2 ชั่วโมงที่คุยกับคุณแม่แตงโม คุยกันหลายเรื่องและไม่สมควรที่จะออกอากาศ แต่จะเล่าให้ฟังว่า คุณแม่ตัดสินใจยุติบทบาททนายเดชาเอง ไม่ใช่ว่าผมไปชวน แต่จะเป็นเพราะเหตุผลอะไรผมไม่ออกอากาศได้และพยายามจะย้ำคุณแม่ว่าให้อยู่กับปัจจุบัน

จากการพูดคุย 2 ชั่วโมงทำให้ผมเห็นว่า ถ้าคุณแม่เกิดหลงผิดในข้อมูลที่คนรอบข้างจัดให้ คุณแม่ก็อาจจะหลงผิดได้ เนื่องจากคุณแม่ไม่ใช่นักกฎหมาย ดังนั้นคนที่อยู่รอบข้างและใกล้ชิด ถ้ามีวาระซ่อนเร้นคุณแม่จะตามไม่ทัน ผมก็บอกคุณแม่ว่า เมื่อคุณแม่มีความคิดที่จะยุติบทบาทของทนายเดชา จึงบอกคุณแม่ว่าถ้าคุณแม่จะเปลี่ยนทนายคุณแม่จะต้องได้เอกสารทุกอย่างมาครบก่อน ไม่เช่นนั้นทนายคนไหนก็ตามก็ทำคดีให้ไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง

เราก็เลยแนะนำคุณแม่ไปว่าถ้าจะยุติบทบาทของทนายเดชา ก็ให้คุณแม่ไปขอเอกสารจากทนายเดชา มันจะลัดขั้นตอนเร็วที่สุด ถ้าคุณแม่จะเอาเอกสารไปให้ทนายคนไหน คุณแม่ก็มีสิทธิ์เลือก ไม่ได้บอกว่าผมจะจัดหาทนายให้นะ ยังไม่ใช่เลย ถึงแม้วันนี้คุณแม่จะบอกว่ามอบหมายทุกอย่างให้ผม แต่ผมฟังแล้วเป็นคำถามชี้นำ แล้วคุณแม่ก็ตอบว่า "ใช่ " ผมขอย้ำว่า ผมยังอยู่ในระดับของการแลกเปลี่ยนข้อมูล

เมื่อเอกสารหลักฐานเป็นสาระสำคัญในคดี ซึ่งจนถึงป่านนี้ พี่อัจฉริยะก็ยังไม่ได้ กรมสอบสวนคดีพิเศษก็ยังไม่ได้ คงมีแต่โจทก์และจำเลยที่มีสิทธิ์คัดทุกอย่างออกมาได้ ดังนั้นก็คุณแม่เพียงคนเดียวที่จะเอามาให้ผมได้ดูได้ ถ้าผมไม่ได้ดูผมจะรู้ได้ยังไงว่ามันมีสิทธิ์จะอุทธรณ์ได้หรือไม่ได้

"ปรากฏว่าพอไปถึงทนายเดชาให้เอกสารมาแค่นิดเดียว อันนี้ผมเซอร์ไพรส์มาก ในคดีใหญ่ขนาดนี้ ก็ตกใจว่าทำไมเอกสารมีแค่นั้น ทนายเดชาเค้าก็ตอบว่า มันแพง ค่าใช้จ่ายเยอะ แต่มันอยู่ในศาลนั่นแหละ ไปดูที่ศาลได้"

แต่ถ้าเป็นผมการพินิจพิเคราะห์ในศาล กับการพินิจพิเคราะห์เพื่อมาประมวลผลจากภายนอก เราต้องใช้เวลากับมันให้นาน ไม่ใช่เฉพาะในศาล ซึ่งสำคัญมาก หรือทนายเดชาอาจจะเก่งกว่าผมก็ได้

หลังจากนั้นก็เอาเอกสารมาให้ผม แต่ทนายเดชาท่านก็ชี้แจงอยู่ 2-3 เรื่อง ว่ามันหมดสัญญาจ้าง เพราะว่าหมดคดีศาลชั้นต้นแล้ว

"ผมก็มีคำถามว่าถ้าหมดสัญญาจ้างแล้ว จะต้องเขียนสัญญาว่ายุติไปทำไม และมันก็มีคดีอื่นว่าจะยุติด้วย ไม่ใช่แค่คดีนี้คดีเดียว แต่ส่งมอบเอกสารได้น้อยกว่าที่ผมคิด แต่ทนายคลายทุกข์หรือเปล่าที่ออกเอกสารว่ายกเลิกพยานหลายปาก ผมให้คุณแม่ดู คุณแม่บอกเพิ่งรู้"

ทีนี้เมื่อถึงจุดนั้นก็เหลือช่องทางเดียว ก็คือคุณแม่คนเดียวเท่านั้นที่จะไปเอาเอกสารออกมาได้ และขอขยายเวลาอุทธรณ์สำเร็จ ถามว่าใครเป็นทนาย ยังไม่มีทนาย ผมก็เลยประสานให้เองเพื่อยื่นอุทธรณ์ คุณแม่ก็ประสานมากับผมว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ผมจะบอกคุณแม่ว่า ผมทำให้ฟรีอยู่แล้ว ซึ่งทำให้ตอนนี้ขยายเวลาอุทธรณ์สำเร็จแล้วไปอีก 30 วัน ซึ่งป่านนี้แล้วก็ยังได้เอกสารไม่ครบ ดังนั้นเราก็ต้องไปคัดเอกสารมาให้หมดก่อน

"อยากบอกคุณผู้ชมว่าอย่าไปคิดว่าคุณแม่ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ผมอยู่กับปัจจุบันว่าคุณประโยชน์คุณแม่ ชั่วโมงนี้ที่เข้า-ออกดีเอสไอเป็นประจำ รวมถึงบ้านพระอาทิตย์ด้วย คือพยานหลักฐานในสำนวนที่ยังไม่มีใครได้ นอกจากโจทก์กับจำเลยที่มีสิทธิ์จะเข้าถึง และถ้ามันมีลึกไปกว่านั้น เราก็จะได้เห็นพร้อมกันในสิ่งที่เราทำอยู่ ซึ่งมันเป็นประโยชน์มหาศาล จะอุทธรณ์ได้หรือไม่ก็ต้องไปดูที่รายละเอียด ผมไม่สามารถตอบได้ จนกว่าจะได้เห็นด้วยตาและดูด้วยกับทนาย ถ้ามันอุทธรณ์ไม่ได้ เพราะนำสืบไม่ดีจะต้องบอกคุณแม่ตรงๆ"

แม่บอกผมว่า แม่อยากรู้ความจริงว่าทั้งหมดมันเกิดอะไรขึ้น และผมจะบอกว่าที่เราไม่ได้ออกอากาศเรื่องนี้เลย เราไปไกลและไปลึกมาก เรายังทำต่ออยู่ ลึกมากด้วย ชนิดที่เรียกว่าได้ยินแล้วตกใจ โดยเฉพาะภาพ 21.56 น. เมื่อถึงเวลาทุกคนก็จะได้เห็นพร้อมพร้อมกัน

ท้ายที่สุดอยากจะบอกว่าคุณแม่จะตัดสินใจเลือกทนายคนไหน เป็นสิทธิ์ของคุณแม่ผมไม่เกี่ยว แต่ช่วยกันคิดได้เพื่อความยุติธรรมของน้องแตงโม ดังนั้นผมยังไม่ใช่ผู้จัดจัดการของคุณแม่ ยังเป็นกัลยาณมิตรที่หวังดี และแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อประโยชน์แห่งคดีของน้องแตงโมให้ได้รับความเป็นธรรมกลับคืนมากับคดีนี้ให้ได้.

ขอบคุณภาพ-ข้อมูล : รายการนิวส์ อาว