มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 14 กรกฎาคม 2568 เวลา 3.38 น. • เผยแพร่ 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทกรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว
นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้
-พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์
-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว
-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา
-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง โดยมีหน้าที่ศึกษาและทบทวนกฏมหาเถรสมาคมที่เกี่ยวข้องกับนิคหกรรม อำนาจตามกฏหมายของพระสังฆาธิการ พระวินยาธิการ และข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน แนวทางการสื่อสารกับสาธารณชน และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของพระภิกษุซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา หรือถูกสันนิษฐานว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ รวมถึงแนวทางบูรณาการภารกิจร่วมกับหน่วยงานภาครัฐให้เหมาะสมตามสภาวการณ์ปัจจุบัน โดยไม่ขัดต่อพระธรรมวินัย
ส่วนรายชื่อ 11 พระชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกกล่าวหาว่า พัวพันกับ “สีกากอล์ฟ” แบ่งเป็น 4 กลุ่มดังต่อไปนี้
กลุ่มที่ 1 ลาสิกขาไปแล้ว มี 6 คน ดังนี้
1.พระเทพวชิรปาโมกข์ วัดตรีทศเทพ
2.พระเทพวชิรธีราภรณ์ วัดพระพุทธฉาย
3.พระเทพวชิรธีรคุณ วัดปากน้ำ
4.พระปลัดสุรพล อิทธิเตโช จ.พิษณุโลก
5.พระครูสิริวิริยธาดา วัดโสธรวราราม จ.ฉะเชิงเทรา
6.พระมหาบุญเลิศ วัดใหม่ยายแป้น
ซึ่งถือว่าทั้ง 6 รายชื่อนี้พ้นความเป็นสมณเพศแล้ว ในส่วนของพระธรรมวินัยก็สิ้นสุดกระบวนการของเจ้าคณะผู้ปกครอง ส่วนความผิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเส้นเงิน ก็ขอให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน
กลุ่มที่ 2 ยังไม่ยืนยันสถานะ คือยังไม่ทราบชัดเจนว่าปัจจุบันยังอยู่ในสถานะพระภิกษุหรือไม่ เพราะไม่สามารถติดต่อได้ มีแต่ข่าวลือว่าสึก มี 2 รูป คือ
1.พระราชรัตนสุธี วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก
2.พระปริยัติธาดา วัดกัลยาณมิตร กทม.
สองรูปนี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่เป็นพระสังฆาธิการ ซึ่งปัจจุบันไม่ได้อยู่ที่วัดแล้ว ซึ่งจะมีการทำหนังสือหรือคำสั่งเรียกตัวมาชี้แจงข้อเท็จจริง แต่หากพ้นระยะเวลาที่กำหนด แต่ยังไม่มา ก็จะมีการดำเนินการลงโทษตามพระธรรมวินัย
กลุ่มที่ 3 ยังคงสถานะพระภิกษุอยู่ มี 2 รูป
1.พระเทพปวรเมธี เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส
2.พระเทพวัชิรสิทธิเมธี วัดธาตุหลวง จ.พิจิต
ที่ประชุมมีมติขอความร่วมมือพนักงานสืบสวนสอบสวนส่งหลักฐานให้กับเจ้าคณะใหญ่หนกลาง และคณะใหญ่หนเหนือ
และกลุ่มที่ 4 พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ยังดำรงสมณเพศอยู่ แต่ได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้ว และล่าสุดเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีคำสั่งแต่งตั้งพระเทพวชิรกิตติ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสมนัสวิหาร ดำรงตำแหน่งรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม
ขณะนี้ มหาเถรสมาคม พระสงค์ผู้ปกครอง เป็นห่วงเรื่องพยานหลักฐาน ดังนั้นจึงมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอพยานหลักฐาน เอกสาร คลิป หรือภาพต่างๆ เพื่อที่จะจะดำเนินการทางวินัยกับพระที่ยังไม่สึกอีก 5 รูป
“จริงๆ เหลือยังไม่ยืนยันจาก 11 เหลือ 5 รูป เจ้าคณะผู้ปกครองก็จะเร่งแจ้งให้มารายงานตัว ส่วนที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ก็ขอให้ตำรวจส่งหลักฐานมาเพื่อให้ดำเนินการทางวินัย ส่วนพระ 6 รูปที่สึกไปแล้วถือว่าพ้นความผิดทางวินัย ส่วนเรื่องการตรวจสอบเส้นเงินหรือเรื่องอื่นๆ ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ” ผอ.สำนักงายพระพุทธศาสนากล่าว.-517.-สำนักข่าวไทย