ปธ.สภานายจ้างฯ โต้เดือด! ปมกัมพูชาร้องแบนสินค้าไทย ยก 5 ข้อ ยันไทยมีศักดิ์ศรีแรงงาน-ไม่ปล่อยใครป้ายสี
ตอกกลับ“เขมร”!! “อาร์ท เอกสิทธิ์” ปธ.สภานายจ้างไทย โต้ปม “กัมพูชา”ขอนานาชาติแบนสินค้า-บริการจากไทย ยก 5 ข้อ ยันไทยมีศักดิ์ศรีแรงงาน – ไม่ปล่อยให้ใครป้ายสี
วันที่ 31 ก.ค.2568 นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล หัวหน้าพรรคปวงชนไทย และประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย (ECOT) ได้โพสต์ข้อความ พร้อมภาพผ่านเฟซบุ๊ก “Ekasit Kunanantakul” โดยระบุเนื้อหาว่า “จดหมายเปิดผนึก “ตอบตรง” จดหมายกระทรวงแรงงานกัมพูชา วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เรื่อง การยืนยันจุดยืนและข้อเสนอสร้างสรรค์ต่อจดหมายจากกระทรวงแรงงานกัมพูชา
ตามที่กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ได้มีจดหมายเปิดผนึกถึงแบรนด์ ผู้ซื้อ และผู้บริโภคสินค้าจากประเทศไทย เพื่อแสดงความกังวลเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติ โดยเฉพาะชาวกัมพูชาในประเทศไทยนั้น
ในฐานะหัวหน้าพรรคปวงชนไทย และประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย (ECOT) ผมขอเรียนชี้แจงและแสดงจุดยืน ดังต่อไปนี้
1. ประเทศไทยมีมาตรฐานการคุ้มครองแรงงานสูง เราไม่ยอมรับความรุนแรงหรือการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกรูปแบบ และหากมีเหตุการณ์ใดที่เกิดขึ้นจริง ย่อมต้องได้รับการตรวจสอบตามหลักนิติธรรมอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ
2. นายจ้างปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล สภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย (ECOT) ทำงานร่วมกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO), องค์การเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) และภาคประชาสังคม (CSO) มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับมาตรฐานแรงงาน โดยยึดหลัก “มนุษย์มีศักดิ์ศรีเสมอกัน”
3. เรามีแนวทางใหม่ ๆ ที่จับต้องได้ นำเทคโนโลยีเพื่อคุ้มครองแรงงานและส่งเสริมกิจการที่ปลอดภัยถูกชีวอนามัยต่อแรงงานทุกคนทุกเชื้อชาติ
4. เราสื่อสารเชิงรุกในระดับสากล ผมได้จัดทำเอกสารชี้แจงส่งถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ECOT เพื่อยืนยันเจตนารมณ์สร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ
5. เราจะไม่ปล่อยให้ใครกล่าวหาประเทศไทยโดยปราศจากข้อเท็จจริง เราเปิดรับแรงงานต่างชาติมาเป็น
“ผู้ร่วมปกป้องผลประโยชน์ชาติไทย” และดูแลแรงงานทุกคนตามมาตรฐานสากล ผมจะไม่ยอมให้ประเทศไทยถูกใส่ร้ายป้ายสีแบบเหมารวมโดยอคติ ผมจะยืนหยัดปกป้องเกียรติของนายจ้างไทย และหัวใจของคนไทยทุกคน ขอบคุณนายจ้างและผู้ใช้แรงงานทุกท่านที่ยืนหยัดบนความถูกต้อง ขอบคุณปวงชนไทยที่ไม่เงียบ และไม่ปล่อยให้ใครดูถูกประเทศไทยของเรา”