ทิสโก้ร่วมใจ 14 อาคารที่สร้างด้วยหัวใจ เพื่ออนาคตเด็ก ๆ โรงเรียนวัดลาดหญ้าไทร จังหวัดนครปฐม

บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ กลุ่มทิสโก้ นำโดย นายปลิว มังกรกนก ประธานคณะกรรมการ และนายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคณะกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้า และพันธมิตร ร่วมส่งมอบอาคารเรียน “ทิสโก้ร่วมใจ 14” อาคารเรียนขนาด 2 ชั้น จำนวน 8 ห้องเรียน พร้อมห้องน้ำและครุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน รวมมูลค่ากว่า 7,995,684.32 บาท นอกจากนี้ยังส่งมอบแท็บเล็ทเพื่อการศึกษา จำนวน 45 เครื่องพร้อมอุปกรณ์และสนับสนุนอินเตอร์เน็ต 1 ปี ติดตั้งในห้องเรียนสมหวังสมาร์ทคลาสรูม ให้แก่โรงเรียนวัดลาดหญ้าไทร (สิงหวิทยาคาร) จังหวัดนครปฐม เพื่อทดแทนอาคารเรียนเดิมที่ทรุดโทรมจนไม่สามารถใช้งานได้ โดยมี นายพิสิษฐ์ ประวัติวัชรา ผู้อำนวยการโรงเรียน คณะครู นักเรียน และชาวบ้านในพื้นที่ร่วมรับมอบอย่างอบอุ่น
นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ กล่าวว่า กลุ่มทิสโก้ให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินโครงการ “ทิสโก้ร่วมใจ” มาตั้งแต่ปี 2552 เพื่อสนับสนุนโรงเรียนขยายโอกาสที่ขาดแคลนทั่วประเทศและยกระดับคุณภาพชีวิตของเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล โดยยึดหลัก “การมีส่วนร่วม” เป็นหัวใจสำคัญ อาคารเรียนหลังนี้จึงไม่ใช่เพียงสิ่งปลูกสร้าง แต่คือการลงทุนในอนาคตของประเทศ ผ่านการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนไทย เพราะเราเชื่อว่า “การศึกษาเปลี่ยนชีวิตได้”
หนึ่งในจุดเด่นของอาคารเรียนหลังนี้ คือ“ศิลปะบนผนังภายนอกและภายในอาคาร” ขนาดกว่า 109 ตารางเมตร ที่ตกแต่งด้วยชิ้นงานเซรามิกกว่า 7,000 ชิ้น ร่วมสร้างสรรค์ลวดลายโดยนักเรียน ครู ชาวบ้าน ผู้บริหารและพนักงานจิตอาสาจากทิสโก้ ภายใต้การดูแลของ วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ ศิลปินศิลปาธร สาขาการออกแบบประจำปี 2553 ซึ่งถือเป็นงานศิลปะตกแต่งผนังด้วยเซรามิก (Wall Art Ceramic) ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย
วศินบุรี กล่าวว่า แรงบันดาลใจของงานศิลปะชุดนี้ ชื่อว่า“Memosaic” เกิดจากความเชื่อในพลังของการมีส่วนร่วม และความสำคัญของการสร้างความทรงจำร่วมกันของผู้คนในชุมชนและสถานศึกษาในช่วงเวลานี้ ที่จะกลายเป็นความทรงจำและเรื่องเล่าในอนาคต โดยศิลปะไม่จำเป็นต้องซับซ้อนหรือเข้าถึงยาก ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ๆ หรือคนในชุมชนที่ไม่เคยจับพู่กันมาก่อน ผลงานนี้จึงไม่ใช่แค่ภาพสวยงามบนผนัง แต่คือความทรงจำที่จับต้องได้ของช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตทุกคน
ด.ช.เทพพิทักษ์ ด้วงงาม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนวัดลาดหญ้าไทร (สิงหวิทยาคาร) เผยว่า ดีใจและขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่มาสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ให้ อาคารเรียนนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์แค่ในรุ่นผม แต่ส่งต่อถึงรุ่นน้องรุ่นถัดไปก็จะได้ใช้ด้วย อาคารหลังนี้ทำให้พวกเรามีห้องกิจกรรม ห้องเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น สะดวกสบายมากขึ้น แถมยังเป็นอาคารที่สวยงามมีงานศิลปะเซรามิกที่ทุกคนช่วยกันวาด การได้เรียนในอาคารทิสโก้ร่วมใจเป็นอีกแรงบันดาลใจให้ผมตั้งใจเรียน เพื่อมีโอกาสทำงานที่ดี สานฝันอาชีพที่ผมอยากทำในอนาคต
นายสุรเดช คำภีร์ ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า โรงเรียนวัดลาดหญ้าไทรคือหัวใจของชุมชนละแวกนี้ พอทราบว่ากลุ่มทิสโก้จะเข้ามาสนับสนุนการสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ ทุกคนต่างดีใจและพร้อมใจกันช่วยเหลืออย่างเต็มที่ มีการประชุมกันระหว่างผู้นำชุมชน คณะกรรมการสถานศึกษา และพระอาจารย์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับอาคารเรียนใหม่จากทิสโก้ ตั้งแต่การถมดิน วางแผนพื้นที่ และการที่เด็ก ๆ ได้มีส่วนร่วมในการวาดภาพบนชิ้นงานเซรามิกเพื่อติดตั้งบนกำแพงด้วยมือตัวเอง ไม่ใช่แค่การสร้างความภาคภูมิใจในวันนี้ แต่คือความทรงจำที่มีชีวิต ถ้าวันหนึ่งเมื่อเขาโตขึ้น ก็จะสามารถพาลูกหลานมายืนตรงนี้แล้วบอกว่า “พ่อ/แม่เคยวาดภาพไว้ที่นี่นะลูก” นั่นคือความทรงจำที่ไม่มีวันลบเลือน และจะถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ขอขอบคุณทิสโก้ที่มองเห็นความสำคัญของการศึกษาและศิลปะในพื้นที่ห่างไกล
นายพิสิษฐ์ ประวัติวัชรา ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดลาดหญ้าไทร (สิงหวิทยาคาร) เล่าว่า โรงเรียนวัดลาดหญ้าไทรก่อตั้งมากว่า 90 ปี โดยหลวงพ่อสิงห์โต เจ้าอาวาสวัดลาดหญ้าไทร เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กในชุมชนที่ขาดแคลนได้เข้าถึงการศึกษา ปัจจุบันมีนักเรียน 295 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่มาจากครอบครัวเกษตรกร แรงงานรับจ้าง และชุมชนชาวเขาเผ่าดาราอั้งหรือเผ่าปะหล่อง ที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในพื้นที่นี้ โดยโรงเรียนจะเน้นการเรียนรู้ควบคู่กับการเสริมทักษะอาชีพ เช่น ดนตรีไทย คหกรรม และงานช่าง เพื่อให้นักเรียนสามารถนำทักษะความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันหรือต่อยอดสร้างรายได้ให้ครอบครัวได้
ที่ผ่านมา โรงเรียนประสบปัญหาห้องเรียนไม่เพียงพอ และอาคารเรียนเดิมทรุดโทรมจนไม่สามารถใช้งานได้ การได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มทิสโก้ในการสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ที่มีเอกลักษณ์จากงานศิลปะฝีมือเด็ก ๆ และชุมชน จึงเป็นมากกว่าสิ่งปลูกสร้าง แต่คือ “โอกาส” ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเด็ก ๆ เป็นการ “ชุบชีวิต” ให้กับโรงเรียน สร้างความสุขให้กับนักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนโดยรอบ ที่สำคัญอาคารเรียนที่ดีและเพียงพอจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ได้อย่างมีคุณภาพ