ผู้กำกับแจงดราม่า ภ. 'โศกาภิวัฒน์' ยันต้นฉบับมาจากหนังสือนิยาย ขอโทษแฟนๆ วอนให้เปิดใจ
ผู้กำกับแจงดราม่า ภาพยนตร์ ‘โศกาภิวัฒน์’ ยันต้นฉบับมาจากหนังสือนิยาย ขอโทษแฟนๆ วอนให้เปิดใจ
จากกรณีดราม่าภาพยนตร์ โศกาภิวัฒน์ ที่กำลังจะเข้าฉายเร็วๆ นี้ ที่มีแฟนนิยายออกมาเรียกร้องว่าเรื่องนี้ไม่ควรถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ เพราะต้นฉบับแท้จริงมีจุดเริ่มต้นมาจากแฟนฟิคชั่น ที่มีการดึงภาพของวงไอดอลดังมาเป็นตัวแทนของตัวละคร ที่ไม่ควรนำมาขายลิขสิทธิ์เพื่อสร้างเป็นหนังหรือซีรีส์ ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ และมีการติด #แบนโศกาภิวัฒน์ จนติดเทรนด์เอ็กซ์ไปแล้ว ล่าสุดในงานกาล่าภาพยนตร์ “โศกาภิวัฒน์” ณ โรงภาพยนตร์ พารากอน ซินีเพล็กซ์ (ชั้น 6) ผู้กำกับภาพยตร์ แบงค์ ณัฐชัย จิระอานนท์ ได้ชี้แจงถึงกระแสดราม่าดังกล่าวว่า
“ตั้งแต่มีดราม่าเข้ามาต้องบอกเลยว่าตัวผมเองที่เป็นผู้กำกับ แล้วก็ทีมงานทั้งค่ายเราไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงแต่ว่าพอมันมีดราม่าเกิดขึ้นมา สิ่งหนึ่งก็คือเราพยายามทำความเข้าใจก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ต้องเรียนตรงๆ ว่าประเด็นเรื่องของแฟนฟิคมันเป็นประเด็นที่ใหม่สำหรับตัวแบงค์เองและใหม่สำหรับตัวค่าย คือเรามีความจริงใจในการทำโปรเจ็กต์นี้ เพราะจริงๆ แล้วรูปบวงสรวงที่มันเป็นประเด็นดราม่าขึ้นมา คือเราโพสต์รูปนั้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์แล้ว ซึ่งตัวเราลง ตัวนักแสดงทุกคนก็ลง และเราก็ติดแฮชแท็กคำว่าโศกาภิวัฒน์อย่างตรงไปตรงมาตั้งแต่ตอนนั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบเลี่ยงอะไรอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าดราม่ามันมาเกิดช่วงกรกฎาคม ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงมาเกิดช่วงนั้น แต่อยากจะบอกว่าเราพยายามที่จะสื่อสารและใช้แฮชแท็กนี้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ก็เข้าใจว่าเป็นประเด็นที่กระทบกระเทือนความรู้สึกของแฟนๆ
แต่แบงค์ก็ยืนยันว่าหนังเรื่องนี้เราตั้งใจทำจากนิยายจริงๆ (โชว์เล่มนิยายให้ดู) ด้านในมันก็จะมีอาร์ตเวิร์กที่เป็นของนักเขียนทำขึ้นมาเอง ซึ่งอาร์ตเวิร์กเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับศิลปินเกาหลี หรือแม้กระทั่งดูในตัวของนิยาย ต้องบอกก่อนว่าตอนที่มันเป็นแฟนฟิค มันเล่าเรื่องแฟนฟิคด้วยการใช้สัมผัสการเล่าเรื่องเหมือนคนคุยไลน์กันและใช้รูปโปรไฟล์เป็นศิลปินวงเกาหลี หลังจากนั้นนักเขียนเขาเขียนเป็นเล่มนี้ขึ้นมา ซึ่งพอเป็นเล่มนี้เขาก็ไม่ได้ใช้อาร์ตเวิร์กที่เป็นศิลปินเกาหลี แล้วเขาก็เปลี่ยนสัมผัสในการเล่าเป็นบทบรรยายเหมือนของนิยายในแบบปกติ ซึ่งตัวค่ายหรือตัวทีมงานผู้ใหญ่ของเรา เราชอบเนื้อเรื่องที่เป็นนิยายเล่มนี้แล้วก็ซื้อมาเอามาพัฒนาเป็นหนัง เพราะฉะนั้นอยากให้เข้าใจกันว่าในแง่ของการทำให้มันถูกต้องในเรื่องของลิขสิทธิ์ คือเราทำตรงไปตรงมาแบบนี้ แต่เราก็ไม่ละเลยความรู้สึกของแฟนนิยาย เราก็พยายามที่จะอ่าน พยายามที่จะเข้าใจพวกเขาตลอด
ซึ่งตัวแบงค์เองที่เป็นผู้กำกับ หัวหน้าทีมก็ต้องขอใช้พื้นที่ตรงนี้อยากจะขอโทษแฟนๆ ทุกๆ คนที่เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นและทำให้กระทบกระเทือนความรู้สึกของคนที่เคยอ่านในฉบับแฟนฟิคมาก่อน แต่ในส่วนของทีมผู้สร้างภาพยนตร์ด้วยความที่ว่าหนังมันจะฉายโรงแล้ว เราทำขนาดนี้แล้ว แล้วมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องของแบงค์คนเดียวมันมีนักแสดงหลายๆ คน และมีทีมงานหลายๆ คนเข้ามาเกี่ยวข้อง เราจำเป็นที่จะต้องฉายตามปกติ ก็อยากให้แฟนๆ เข้าใจเราเหมือนที่เราเองพยายามเข้าใจความรู้สึกของแฟนๆ เหมือนกัน ขอบคุณแล้วก็ขอโทษอีกครั้งหนึ่ง
คือตัวฉบับนิยาย นักเขียนเขาต่อยอดเนื้อเรื่องต่อยอดตัวคาแรกเตอร์มาจากตัวแฟนฟิคมาไกลพอสมควรประมาณนึง แล้วพอมาถึงฉบับภาพยนตร์ ตัวพวกเราเองก็ต่อยอดชนิดที่ว่าไกลจากนิยายออกไปอีก เพราะอย่างคาแรกเตอร์ตัวละครแต่ละตัวที่เขาบรรยายไว้ในนิยายเขาบรรยายไว้บางมาก แล้วพวกเราก็พัฒนาคาแรกเตอร์ให้มันลึกขึ้น เพราะอย่างที่บอกว่า 8 คนยืนด้วยกัน แล้วหนังมันมีเวลาเล่าประมาณชั่วโมงครึ่งไม่ถึง 2 ชั่วโมงเราต้องทำให้คาแรกเตอร์ของพวกเขามันชัดเจนขึ้นมาหมดแล้วทุกคนก็มีส่วนร่วมในการพัฒนาบท แล้วตัวบทภาพยนตร์เองก็มีการปรับให้มันเข้ากับยุคมากขึ้น ให้มันสมเหตุสมผลในการเล่าและก็เป็นภาพยนตร์มากขึ้น และองก์ 2 องก์ 3 แทบจะไม่เหมือนในนิยายเลย คือมันมาไกลกว่าเดิม
สิ่งที่เราพยายามอยากจะบอกก็คือเราอยากให้จะเห็นถึงความตั้งใจของเราว่าเราหยิบเรื่องนี้เราหยิบมาเพราะอะไร เพราะเราชอบเซ็ตติ้งของมัน เราไม่มีเจตนาที่จะใช้ประโยชน์จากคอมมูนิตี้ของแฟนฟิค ก็อยากให้เข้าใจและลองเปิดใจดูหนังเรื่องนี้กัน”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ผู้กำกับแจงดราม่า ภ. ‘โศกาภิวัฒน์’ ยันต้นฉบับมาจากหนังสือนิยาย ขอโทษแฟนๆ วอนให้เปิดใจ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th