หมอมนูญแฉซ้ำ!ปมร้อน "วัดพระบาทน้ำพุ" พยาบาลเคยถูกขู่ฆ่า-ยาต้านหาย เหตุสงสัยผู้ป่วยดีขึ้นกระทบเงินบริจาค
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อ ออกมาโพสต์ย้อนรอยแฉปมร้อน "วัดพระบาทน้ำพุ" เคยเกิดเหตุการณ์พยาบาลถูกข่มขู่ถึงชีวิต ยาต้านไวรัสของผู้ป่วยหาย และถูกกรีดยางรถจักรยานยนต์ พร้อมตั้งข้อสังเกตอาจเกี่ยวกับการเงินบริจาค เหตุผู้ป่วยเอดส์มีอาการดีขึ้นจนกระทบรายได้วัด
เมื่อวันที่ 12 ส.ค. นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินหายใจ ผู้ป่วยอาการหนัก และโรคติดเชื้อ และยังเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากการให้ข้อมูลและคำแนะนำด้านสุขภาพที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะอย่างสม่ำเสมอ ได้ออกมาโพสต์ข้อความย้อนโพสต์ของตนเองอีกครั้งเกี่ยวกับประเด็นโรคเอดส์ โดยได้ระบุข้อความว่า
“ช่วงนี้ "วัดพระบาทน้ำพุ" กลับมาเป็นประเด็นอีกรอบ เลยอยากจะแชร์บางช่วงบางตอนของบทความชื่อ "วัดเอดส์ถูกจับตาอีกครั้ง" ที่เราเขียนลงใน Bangkok Post เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2557
บทสัมภาษณ์พยาบาลที่เคยทำงานดูแลคนไข้โรคเอดส์ระยะสุดท้ายในวัดพระบาทน้ำพุ
ระหว่าง พ.ศ. 2546-2547
วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี ดำเนินงานในฐานะสถานพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคนี้ แต่ผู้วิจารณ์กล่าวว่าวัดกำลังหากำไรจากผู้ป่วยซึ่งสามารถเข้ารับการรักษาในระบบสาธารณสุขด้วยยาที่ช่วยยืดอายุได้
เลสลีย์ (ไม่ใช่ชื่อจริง) เดินทางไปวัดพระบาทน้ำพุเป็นครั้งแรกช่วงปลายปี 2546 พยาบาลชาวสวิสรายนี้มีประสบการณ์ทำงานกว่า 15 ปีในขณะนั้น และจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยด้านจิตวิทยาและปรัชญา
งานประจำวันของเธอรวมถึงการเอกซเรย์ ตรวจเลือด จัดทำแฟ้มและรายชื่อผู้ป่วย
แต่สิ่งของจำเป็นหลายอย่างขาดแคลนอยู่เสมอ อาสาสมัครจึงต้องควักเงินส่วนตัวซื้อผ้าปูที่นอน อุปกรณ์การแพทย์ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ และอาหารให้ผู้ป่วยเอง
ครั้งหนึ่ง เลสลีย์และอาสาสมัครคนอื่น ๆ รวมทั้ง พญ.จุรีรัตน์ สามารถจัดหายาต้านไวรัสเอชไอวี (ARV) ให้ผู้ป่วยได้ถึง 53 คน แต่จากนั้นสถานการณ์ก็เริ่มยากลำบาก พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจเลือดหรือเปิดดูแฟ้มเวชระเบียนของผู้ป่วย จากนั้นยาต้านก็หายไป และเลสลีย์ก็ถูกข่มขู่
“มีคนบอกฉันให้หยุดจ่ายยาต้านและออกไปจากที่นี่ ไม่อย่างนั้นจะถูกฆ่า” เลสลีย์กล่าว
วันหนึ่งยางรถจักรยานยนต์ของเธอถูกกรีดจนแบน ในที่สุดเธอก็ออกจากวัดไปในเดือนพฤศจิกายน 2547 นับแต่นั้นมาก็ไม่มีแพทย์หรือพยาบาลทำงานอยู่ที่วัดอีกเลย
ในช่วงวันท้าย ๆ ที่นั่น เลสลีย์และอาสาสมัครคนอื่นพยายามช่วยผู้ป่วยให้ออกจากวัด เพื่อกลับไปใช้ชีวิตข้างนอก หรือหากร่างกายอ่อนแอ ก็จะได้ไปรักษาตัวในโรงพยาบาล
จากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่วัดหลายคน สเปกตรัมพบว่าประมาณ 95% ของผู้ป่วยที่วัดพระบาทน้ำพุถูกญาติพามาทิ้งไว้ ขณะที่มีเพียงราว 5% เท่านั้นที่ยังมีญาติมาเยี่ยม
“[ผู้ป่วย] ถูกปลดจากข้าวของส่วนตัวชิ้นสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าหรือแหวน แล้วก็ถูกปล่อยให้ตายให้เร็วที่สุด เพื่อให้ความอับอายหายไปจากวงศ์ตระกูล” เลสลีย์ ซึ่งปัจจุบันอายุ 50 ปีกล่าว
“บางคนถูกพามาในสภาพน่าเวทนา — เล็บยาว ไม่เคยอาบน้ำ ใกล้ตายหรือเสียชีวิตแล้ว บางครอบครัวไม่รู้ว่ายาต้านมีให้ฟรีและเข้าถึงได้ทุกคนในโรงพยาบาล แต่พวกเขารู้จากทีวีว่ามี ‘วัดเอดส์’ ในลพบุรี”
เธอกล่าวว่า ตราบใดที่ยังมีสถานที่เช่นนี้อยู่ บางคนก็จะปล่อยให้ญาติของตนตายโดยไม่มีโอกาสได้รับยาต้าน
“มันไม่เกี่ยวกับศาสนาอย่างที่ชาวตะวันตกหลายคนคิด แต่เกี่ยวกับตราบาปทางสังคม” เธอกล่าว “วัดนี้เป็นช่องโหว่ที่สมบูรณ์แบบ”
จนถึงทุกวันนี้ เลสลีย์ก็ยังไม่แน่ใจนักว่าทำไมเธอจึงถูกขอให้ออกจากวัด แต่เธอสันนิษฐานว่าผู้ป่วยดูมีสุขภาพดีเกินไปเมื่อได้รับยาต้าน ซึ่งอาจทำให้เงินบริจาคลดลง
“ถ้าผู้ป่วยได้รับยาต้านและอยู่กับครอบครัว สังคมก็จะถูกบังคับให้ต้องรับมือกับพวกเขา และวัดพระบาทน้ำพุก็จะไม่มีอยู่ต่อไป” เธอกล่าว”
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO