"แจ็คสันโฮล" ชี้ชะตา "สินทรัพย์" ทั่วโลก "เจอโรม พาวเวลล์" จะใส่เกียร์เร่ง หรือเหยียบเบรคความร้อนแรง
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในงานสัมมนาประจำปีแจ็คสัน โฮล ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ ซึ่งอาจเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับการฟื้นตัวของตลาดหุ้นหลังวัน "Liberation Day" รวมถึงทิศทางของสินทรัพย์ลงทุนต่าง ๆ ทั่วโลก
โดยนักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวลล์ ว่าจะส่งสัญญาณบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด จะมีท่าทีต่ออัตราดอกเบี้ยในการประชุมในเดือนกันยายนอย่างไร โดยก่อนหน้านี้เฟดได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงสามครั้งในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับลดลง 50 เบสิสพอยท์ ในเดือนกันยายน 25 เบสิสพอยท์ในเดือนพฤศจิกายน และอีก 25 เบสิสพอยท์ในเดือนธันวาคม แต่ในปีนี้เฟดยังคงยืนยันว่าจะต้องรอดูผลกระทบตากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ และการปราบปรามผู้อพยพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร
ในขณะที่นักลงทุนระบุว่าโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 83% ในสัปดาห์นี้ ลดลงจาก 100% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ก็ยังสูงกว่า 60% ของเดือนที่แล้วอย่างมีนัยสำคัญ ตามข้อมูลของ FedWatch Tool ของ CME Group หลังจากมีการปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนกรกฎาคมลง และข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ CPI ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าที่หลายฝ่ายกังวล
อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลของตลาดหุ้นสหรัฐฯเกี่ยวกับการแถลงนโยบายในวันศุกร์นี้ ได้ปรากฏชัดเจนในสัปดาห์นี้ โดยดัชนี S&P 500 ร่วงลงเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน ในวันพฤหัสบดี หลังจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง
โดยนักเศรษฐศาสตร์จาก Deutsche Bank ตั้งข้อสังเกตว่า ในเดือนกรกฎาคมซึ่งประธานเฟดได้กล่าวสุนทรพจน์ ซึ่งมีการใช้โทนเสียงที่แข็งกร้าวอย่างเห็นได้ชัด โดยโต้แย้งในประเด็นว่าตลาดแรงงานนั้น "แข็งแกร่ง" และอัตราเงินเฟ้อยังคงสูงเกินไป ซึ่งยังไม่รวมผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากร ซึ่งก็หวังว่าประธานเฟดจะมีท่าทีที่แตกต่างออกไปในสัปดาห์นี้
และที่สำคัญนักเศรษฐศาสตร์จาก Deutsche Bank ยังมีมุมมองความเห็นต่อความเป็นไปได้ที่รายงานการจ้างงานเดือนกรกฎาคมที่น่าผิดหวังอาจบ่งชี้ถึงความอ่อนแอในอนาคต ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐฯให้ความสำคัญกับมาตรการเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาของตลาดแรงงาน โดยเฉพาะอัตราการว่างงานมากกว่าตัวเลขการจ้างงานทั่วไป ซึ่งเจอโรม พาวเวลล์ ได้ให้ความเห็นว่าตลาดแรงงานนั้นอยู่ใน "ภาวะสมดุล"
ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากเจอโรม พาวเวลล์ ยังคงมีท่าทีที่แข็งกร้าว และยังคงแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีศุลกากรตอบโต้ที่มีต่ออัตราเงินเฟ้อ รวมถึงยังคงมีมุมองต่อตลาดแรงงานว่ายังมีสัญญาณความอ่อนแอ ก็จะถือว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับตลาด และนักลงทุนที่คาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนกันยายน
ในขณะเดียวกันนักวิเคราะห์จาก Evercore ISI ได้รายงานบทวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยหุ้นอาจปรับตัวลดลง 7% ถึง 15% จนถึงเดือนตุลาคม โดยหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงสุด ก็คือหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ย เช่นกลุ่มรับสร้างบ้านที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 18-25% ในเดือนที่ผ่านมา รวมถึงหุ้นค้าปลีกสินค้าตกแต่งบ้านก็ได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นว่าการลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาของสหรัฐอเมริกาได้
ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำนักวิเคราะห์จากบ Marex คาดการณ์ว่า หากเจอโรม พาวเวลส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน ก็อาจจะไม่ส่งผลต่อราคาทองคำมากนัก เนื่องจากตลาดได้คาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้ว แต่หากพาวเวลส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกในเดือนตุลาคม และพฤศจิกายน หรือธันวาคม ก็จะกดดันให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
ด้านที่ปรึกษาการลงทุนจาก เมอร์เคิล แคปปิตอล ระบุว่าระยะถัดไปยังเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่เผชิญกับความท้าทายค่อนข้างมาก ทำให้อาจเกิดการชะลอตัว ก็จะได้เห็นการใช้นโยายการเงินที่ผ่อนคลายลง และมีการอัดฉีดสภาพคล่องเข้ามาในระบบอีกครั้ง ประกอบกับ การที่กฎเกณฑ์ไนการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีของสหรัฐ หรือประเทศอื่น ๆ เริ่มเปิดโอกาสมากขึ้น ส่งผลให้จะมีเม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันเข้ามาเสริมอีก ทำให้ ETH ซึ่งเป็นคริปโทฯ หลักที่รองลงมาจาก BTC จะได้อานิสงส์จากปัจจัยดังกล่าว และหนุนราคาให้ปรับเพิ่มขึ้นได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทองปรับฐาน รับ PMI แกร่ง ดีลการค้าสหรัฐฯ - EU ราบรื่น
- "KBANK" ยกระดับระบบชำระเงิน เปิดทดสอบ "Q-Wallet" ต่างชาติใช้ THBS จ่ายผ่าน QR Code
- ทองบวกขานรับสหรัฐฯ กดดันภาษีนำเข้าอินเดีย 25% บอนด์ยีลด์-ดอลลาร์อ่อน
- "ภาษีทรัมป์" ยังไม่พอ ? สหรัฐฯ โกยรายได้พุ่ง แต่ทำไมงบขาดดุลมหาศาล
- "พิชัย" เผยไทยเตรียมหารือภาษี "Local Content" กับทางการสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า