เปิดภาพ CIB -กสทช.ค้น อายัด "โดรน" ตรวจสอบ หลังพบปล่อยสัญญานรบกวน
6 ส.ค. 68 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับ กสทช.นำหมายค้นเข้าตรวจค้น บริษัท แห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์ต่างๆ ประกอบด้วย
1.โดรน จำนวน 29 รายการ
2.กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ จำนวน 38 รายการ
3.ปืนรบกวนสัญญาณ จำนวน 129 กระบอก
4.เครื่องรบกวนสัญญาณ จำนวน 16 รายการ
5.รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ จำนวน 1 คัน
6.อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ จำนวน 50 รายการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการตรวจค้นบริษัทดังกล่าวครั้งนี้ มีนายกฤษนันท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เป็นผู้นำตรวจค้นพร้อมยึดอุปกรณ์โดรน (อากาศยานไร้คนขับ) ครั้งนี้ สืบเนื่องจาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พบเบาะแสว่ามีการส่งสัญญานรบกวนคลื่นสัญญานอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) หรือแอนตี้โดรน ในหลายพื้นที่
จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทดังกล่าวอาจมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จึงเข้าตรวจค้นพร้อมยึดอุปกรณ์ดังกล่าว ให้กสทช.นำไปตรวจสอบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรบกวนสัญญานโดรน หรือไม่
ด้าน นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันที่ 5 สิงหาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ
จากการตรวจค้นพบ อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน อุปกรณ์สำหรับตรวจจับ และต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ และรถตรวจสอบคลื่นความถี่จำนวนหนึ่ง โดยได้อายัดอุปกรณ์ทั้งหมด เพื่อตรวจสอบใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับสำนักงาน กสทช. นอกจากนี้ ยังได้เร่งประสานกรมศุลกากรในการตรวจสอบความถูกต้องในการนำเข้า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจนับของกลางที่อยู่ระหว่างอายัด
นายไตรรัตน์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเจ้าของบริษัทเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และยังอยู่ในต่างประเทศ จึงมีการตรวจสอบผู้ดูแลบริษัทซึ่งเป็นคนไทยก่อนในเบื้องต้น โดยของกลางแต่ละชิ้นจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากอุปกรณ์บางส่วนบริษัทมีการประกอบเอง และบางส่วนมีการนำเข้า
สำหรับฐานความผิดผู้ใดกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนตามมาตรา 6 แห่ง พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 ซึ่งห้ามมิให้ผู้ใดทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ต้องได้รับโทษตามมาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
“สถานการณ์ขณะนี้มีความอ่อนไหว พวกเรา สำนักงาน กสทช. พร้อมสนับสนุนภารกิจหน่วยงานความมั่นคงในทุกด้านเพื่อประโยชน์ความมั่นคงของชาติ ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากช่องทางสื่อสารทางการ เพราะบางเรื่องอาจมีผลต่อฝ่ายตรงข้ามจากการเผยแพร่ข่าวอย่างรวดเร็วในเรื่องยุทโธปกรณ์ต่างๆ” นายไตรรัตน์ กล่าว