เก็บหลักฐานเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 2 พิสูจน์ความเสียหาย "โบราณสถาน-ศาสนสถาน"
วันนี้ (2 ก.ย.2568) กองทัพบก ปฏิบัติภารกิจลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บหลักฐานจากเหตุการณ์การสู้รบที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม หลังจากสถานการณ์การปะทะชายแดนคลี่คลายลง และหน่วย EOD ของทหารและตำรวจได้เข้าเคลียร์พื้นที่จนปลอดภัยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ก.ย. 2568) ได้ดำเนินการเก็บหลักฐานในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม และวัดไทยนิยมพัฒนาราม ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งจุดที่เข้าตรวจสอบความเสียหายมีดังนี้
1. พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม จำนวน 4 จุด ได้แก่ ด้านนอกปราสาทด้านทิศตะวันออก, ซุ้มประตูด้านทิศตะวันออก, ลานหน้าปราสาทบริวารด้านทิศตะวันตก และปราสาทบริวารด้านทิศตะวันตก
ภาพจาก ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก โดยทีมโฆษกกองทัพบก 2 กันยายน 2568
ภาพจาก ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก โดยทีมโฆษกกองทัพบก 2 กันยายน 2568
2. พื้นที่วัดไทยนิยมพัฒนาราม จำนวน 3 จุด ได้แก่ อาคารกุฏิของวัด (2 จุด) และบริเวณต้นไม้ใกล้ศาลา
ภาพจาก ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก โดยทีมโฆษกกองทัพบก 2 กันยายน 2568
ภาพจาก ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก โดยทีมโฆษกกองทัพบก 2 กันยายน 2568
สำหรับการปฏิบัติภารกิจร่วมกันครั้งนี้ กองทัพบกได้รับการสนับสนุนจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลหลายฉบับ ทั้ง ISO 9001, ISO/IEC 17020 และ ISO/IEC 17025 มาใช้ในกระบวนการเก็บและวิเคราะห์พยานหลักฐาน เพื่อให้ข้อมูลที่ได้มีความน่าเชื่อถือสูงสุด โดยทีมผู้เชี่ยวชาญได้ทำการวิเคราะห์วิถีการยิงและเก็บวัตถุพยานอย่างละเอียด
ทั้งนี้การโจมตีต่อโบราณสถานและสถานที่ทางศาสนาดังกล่าวถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ซึ่งผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์เหล่านี้จะถูกส่งมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ดำเนินการในเวทีระหว่างประเทศ เช่น การยื่นเรื่องต่อองค์กรเฉพาะทางอย่างยูเนสโก (UNESCO) เพื่อปกป้องมรดกทางวัฒนธรรม, การแสวงหาความยุติธรรมผ่านกระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศ ไปจนถึงการใช้ช่องทางการทูตต่อไป
เก็บหลักฐาน รพ.พนมดงรัก เสียหายจากกระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชา
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2568 ที่ผ่านมา กองทัพบก ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บหลักฐานจากเหตุการณ์การสู้รบที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ณ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งถูกกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่โรงพยาบาล เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 ก.ค. 2568 จำนวน 3 นัด
ภาพจาก ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบกโดยทีมโฆษกกองทัพบก เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568
เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้อาคารหลายหลังได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะอาคารภูมิพัฒน์ และอาคารศูนย์สุขภาพชุมชนพระครูอาภัสธรรม (หลวงตารอด) ซึ่งเป็นอาคารห้องตรวจครรภ์มารดาก่อนคลอด อันเป็นพื้นที่ให้บริการสำคัญแก่ประชาชนในชุมชน จนต้องอพยพผู้ป่วยไปยังพื้นที่ปลอดภัยเป็นการฉุกเฉิน
ภาพจาก ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบกโดยทีมโฆษกกองทัพบก เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568
เจ้าหน้าที่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ตนเองปฏิบัติงานอยู่ที่ห้องตรวจครรภ์มารดาก่อนคลอด ซึ่งปกติจะมีผู้มาใช้บริการหลากหลายกลุ่ม ทั้งมารดาที่ฝากครรภ์วันละ 5–10 คน (ในวันเกิดเหตุมีเพียง 1 ราย) เด็กที่มาฉีดวัคซีน รวมถึงผู้สูงอายุที่มาตรวจสุขภาพ
ในช่วงเกิดเหตุ ได้ยินเสียงระเบิดจากอาคารภูมิพัฒน์ที่อยู่ใกล้เคียง จากนั้นสะเก็ดระเบิดได้พุ่งเข้ามายังห้องตรวจครรภ์ รวมถึงบริเวณที่นั่งของแพทย์ แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บในขณะนั้น จึงรีบอพยพหญิงตั้งครรภ์รายดังกล่าวออกมาได้อย่างปลอดภัย
ขณะเดียวกันผู้ป่วยและญาติที่ยังอยู่ภายในอาคารต่างรีบอพยพไปยังหลุมหลบภัยชั่วคราว บางรายเกิดความตื่นตระหนกและวิตกกังวลอย่างหนัก ถึงขั้นเอ่ยสั่งเสียต่อหน้าญาติ เมื่อสถานการณ์สงบลง เจ้าหน้าที่จึงรีบให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทันที
ภาพจาก ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบกโดยทีมโฆษกกองทัพบก เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้งหมด โดยเฉพาะสะเก็ดระเบิด เพื่อนำไปตรวจสอบยังห้องปฏิบัติการของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อพิสูจน์ที่มาและรายละเอียดของการยิงดังกล่าว
อ่านข่าว : "หล่มสัก" ระดับน้ำยังสูง เร่งขนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูง-เคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบาง
พ่อแม่ควรรู้ ลูกไม่ผ่านการคัดกรองการได้ยิน "หูหนวก" จริงหรือ ?
“เนื้อโคขุน” สุรินทร์ ของดีเมืองไทย รสชาตินุ่ม อร่อยลิ้น ไร้กลิ่นสาบ