Google ซื้อไฟฟ้าพลังน้ำ 3,000 MW ลดคาร์บอนตลอด 24 ชม. 7 วัน
Google ลงนามในข้อตกลงกรอบความร่วมมือด้านไฟฟ้าพลังน้ำครั้งประวัติศาสตร์ เพื่อจัดหาพลังงานไฟฟ้าสะอาดด้วยกำลังการผลิตสูงสุดถึง 3,000 MW นับเป็นข้อตกลงการซื้อขายไฟฟ้าพลังน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว Google ได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA) ฉบับแรกเป็นเวลา 20 ปี มูลค่ากว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรับซื้อไฟฟ้ากำลังการผลิต 670 MW จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Holtwood และ Safe Harbor ในรัฐเพนซิลเวเนีย
การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญนี้สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ของ Google ในการบรรลุเป้าหมายที่จะใช้พลังงานปลอดคาร์บอนตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน เพื่อหล่อเลี้ยงการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ความต้องการพลังงานจากเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
สิ่งที่ทำให้ข้อตกลงนี้แตกต่างและน่าสนใจคือการเลือกใช้ "ไฟฟ้าพลังน้ำ" ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่มั่นคง สามารถจ่ายไฟได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอตลอดเวลา
ซึ่งต่างจากพลังงานหมุนเวียนอื่น ๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือลม ที่มีความผันผวนตามสภาพอากาศ การเลือกใช้ไฟฟ้าพลังน้ำจึงเป็นคำตอบที่ตรงจุดสำหรับเป้าหมาย "24/7" ของ Google
Google กล่าวว่า "ความร่วมมือกับ Brookfield ถือเป็นก้าวที่สำคัญในการสร้างความมั่นใจว่าเราจะมีพลังงานสะอาดสำหรับใช้ในภูมิภาค ไฟฟ้าพลังน้ำเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว มีต้นทุนต่ำ และเชื่อถือได้"
Brookfield Asset Management ให้ความเห็นว่า "ความร่วมมือของเรากับ Google แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญของไฟฟ้าพลังน้ำในการช่วยให้ลูกค้าระดับ Hyperscale สามารถบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานได้ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI"
ข้อตกลงนี้จะเริ่มต้นในตลาดไฟฟ้า PJM และ MISO ซึ่งครอบคลุมพื้นที่แถบมิด-แอตแลนติกและมิด-คอนทิเนนต์ของสหรัฐฯ โดยมีความยืดหยุ่นที่จะขยายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต
ยักษ์ใหญ่ทางเทคโนโลยีอย่าง Google กำลังแสดงให้เห็นถึง "คำตอบ" ของความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของยุค AI นั่นคือ "พลังงานมหาศาลและต้องมีเสถียรภาพ"
การเลือกใช้ไฟฟ้าพลังน้ำที่สามารถจ่ายไฟได้อย่างมั่นคงตลอด 24 ชั่วโมง สะท้อนการมองการณ์ไกลที่เหนือกว่าแค่การซื้อพลังงานหมุนเวียนทั่วไป แต่เป็นการสร้างหลักประกันทางพลังงานให้กับ Data Center ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตในอนาคต
ที่มา : Brookfield