อย่ารู้เมื่อสาย! 3 ท่าเดินผิดๆ ทำให้ผู้หญิง "แก่เร็วเหลือเชื่อ" โค้ชตอบชัด ควรแกว่งแขนไหม?
ผู้เชี่ยวชาญเตือน 3 ข้อผิดพลาดในการเดิน ที่ทำให้ผู้หญิง “แก่เร็วแบบไม่รู้ตัว” หนึ่งในสิ่งที่พบได้บ่อยที่สุดคือ "เดินหลังค่อม"
คุณเคยสงสัยไหมว่า “การเดิน” ของตนเองนั้น ส่งผลต่อสุขภาพและอายุขัยหรือไม่? ในเรื่องนี้ "เอพริล เมดราโน" (April Medrano)โค้ชฟิตเนสจาก STRIDE Fitness อธิบายว่า “กลไกการเดินที่ไม่ถูกต้องสามารถส่งผลต่อความแข็งแรง ความสมดุล และเพิ่มความเสี่ยงในการบาดเจ็บได้”
เมื่อท่าทางในการเดินไม่ถูกต้อง หรือมีรูปแบบการเดินที่ไม่สม่ำเสมอ ร่างกายจะพยายามชดเชยด้วยกล้ามเนื้ออื่น ส่งผลให้กล้ามเนื้อหลักอย่างกล้ามเนื้อก้น และกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว อ่อนแรงลง เมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้เกิดอาการปวดตามข้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรงขณะออกกำลังกาย และเพิ่มโอกาสในการบาดเจ็บ
การเดินอย่างไม่สมดุลยังส่งผลให้แนวกระดูกและร่างกายผิดรูป ทำให้ทรงตัวยาก และเสริมสร้างความแข็งแรงได้ไม่เต็มที่ เพราะการเดินเป็นกิจกรรมที่เราทำทุกวัน การปรับปรุงให้ถูกต้องจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ เพิ่มประสิทธิภาพของร่างกาย และยืดอายุให้ยืนยาวขึ้น
3 ข้อผิดพลาดในการเดิน ที่ทำให้คุณดูแก่ก่อนวัยแบบไม่รู้ตัว
เดินหลังค่อม
หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยที่สุดที่เอพริลเตือนคือ "การเดินหลังค่อม" เธออธิบายว่า “การเดินหลังค่อม (ท่าทางไม่ดี) หมายถึงการเดินโดยก้มศีรษะมาข้างหน้าและยกไหล่ขึ้น ซึ่งจะกดกระดูกสันหลัง ทำให้ปวดคอ และเกิดลักษณะหลังงอแบบคนแก่”
เดินลากเท้า ก้าวสั้น
อีกพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงคือ "การเดินโดยลากเท้าและก้าวสั้น" แม้ในช่วงที่รู้สึกเหนื่อยก็ตาม โดยเอพริลอธิบายว่า “การเดินแบบนี้จะลดการเคลื่อนไหวของข้อเท้าและสะโพก เมื่อทำไปนานๆ จะทำให้ข้อต่อฝืดและการทรงตัวลดลง” ซึ่งแนวทางแก้ไขคือ ฝึกการเคลื่อนไหว เช่น ท่าแกว่งขา, ท่าก้าวย่อตัว, หรือเดินขึ้นเนิน เพื่อให้ก้าวเดินยาวขึ้นและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ไม่แกว่งแขนขณะเดิน
หลายคนคิดว่าการแกว่งแขนเป็นเรื่องเล็ก แต่ในความเป็นจริง การแกว่งแขนมีความสำคัญต่อความสมดุลและจังหวะในการเดิน เอพริลระบุว่า “การเดินโดยที่แขนแข็งทื่อหรือไม่แกว่งแขนเลย เป็นพฤติกรรมที่ทำให้ร่างกายเสียแรงขับตามธรรมชาติ และเสียสมดุล แขนควรแกว่งอย่างเป็นธรรมชาติจากหน้าไปหลัง (ไม่ใช่แกว่งข้ามลำตัว)”
เอพริลยังเตือนทิ้งท้ายถึงเรื่องการ "เลือกรองเท้าไม่เหมาะสม" ซึ่งหลายคนมองข้าม “การใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าที่สึกเก่าเกินไป หรือรองเท้าที่นุ่มเกินไป อาจทำให้การเดินผิดรูป และกล้ามเนื้อขาอ่อนแรงลง” ดังนั้น ควรเลือกรองเท้าที่พอดีกับเท้า มีการรองรับที่เหมาะสม และหมั่นฝึกเดินเท้าเปล่าบนพื้นผิวที่มั่นคงเพื่อเสริมความแข็งแรงให้ฝ่าเท้า ซึ่งส่งผลดีต่อโครงสร้างร่างกายโดยรวม
เพียงแค่สามารถปรับพฤติกรรมเหล่านี้ให้ดีขึ้นได้ตั้งแต่ตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณเดินได้ดีขึ้น แต่ยังเป็นการดูแลสุขภาพระยะยาว ชะลอวัย และลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บในอนาคตอีกด้วย!
ของดีมื้อเช้า! เครื่องดื่มที่ช่วย “ดักจับ” ไขมันเลว ไม่ให้เข้าสู่กระแสเลือด แถมดีต่อหัวใจด้วย
พิธีกรสาว เปิดสูตรลดน้ำหนัก "กฎมื้อเย็น" กินยังไงให้ผอมลง 50 กก. ผู้ชมตะลึงร่างใหม่!