เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
#ทันหุ้น - บล.ฟินันเซียไซรัส คาดแนวโน้มตลาดวันนี้ มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาดว่า SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,100-1,120 จุด โดยปัจจัยต่างประเทศยังมีแรงหนุนอ่อนๆจากความคาดหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยของ FED ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจัยการเมืองในประเทศสัปดาห์หน้าที่ต้องติดตามคาดยัง Overhang ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา GDP 1Q25 ถูกปรับลงจาก -0.2% เป็น -0.5% q-q SAAR โดยมีการปรับลดตัวเลขการใช้จ่ายลงและต่ำสุดตั้งแต่ช่วงโควิด ทำให้ตลาดคาดหวังมากขึ้นว่า FED มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยมากกว่า 2 ครั้งในปีนี้ (สูงกว่า Dot Plot ที่มอง 2 ครั้ง) ส่งผลให้ Bond Yield ขยับลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันราว 20 bps
โดยคืนนี้ติดตามตัวเลขสำคัญคือเงินเฟ้อ PCE เดือน พ.ค. ตลาดคาด Core PCE +0.1% m-m, +2.6% y-y ขยับขึ้นจากเดือนก่อน ส่วนปัจจัยในประเทศประเด็นหลักยังคงอยู่ที่การเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอน โดยสัปดาห์หน้าต้องติดตามว่าศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับ/ไม่รับคำร้องปมคลิปสนทนาของนายกฯ รวมถึงจะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ขณะที่สภาฯจะเปิดสมัยประชุมอีกครั้ง นอกจากนี้ยังเข้าใกล้กำหนดวันที่สหรัฐฯจะเริ่มเก็บภาษีตอบโต้ 9 ก.ค. ซึ่งยังไม่เห็นพัฒนาการในด้านการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯมากนัก โดยยังไม่ได้มีการระบุวันเจรจาอย่างเป็นทางการ ภาพรวมวันนี้คาดว่าการเคลื่อนไหวของดัชนีจะยังจำกัด โดยรวมเรายังเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว แนวโน้มกำไรแข็งแรง และกระทบจำกัดจากความเสี่ยงต่างๆ
กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและมีแนวโน้มผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : CPALL, MTC, OSP, SJWD, STECON
FSSIA Portfolio : BA, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON
หุ้นเด่นวันนี้ : KTC
• แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus ราว 35 บาท
• ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงแรง 50% YTD และ 34% MTD จากประเด็นการถูก Force Sell เปิดโอกาสให้หุ้น Rebound ในระยะถัดไปจากสัญญาณเทคนิคที่ Oversold และปัจจัยพื้นฐานที่ไม่เปลี่ยนแปลง
• ตลาดประเมินกำไรปี 2025-26 ราว 7.6 พันลบ.และ 7.8 พันลบ. ตามลำดับ เติบโตได้เล็กน้อย โดยราคาหุ้นปัจจุบัน เทรดบน PER เพียง 8.5 เท่า และให้ Dividend Yield สูงราว 5% ซึ่งน่าสนใจเป็นอันดับต้นๆของกลุ่มไฟแนนซ์
• แนวรับ 24//23 บาท แนวต้าน 27-27.75//29.50 บาท
ด้าน บล.ดาโอ คาดดัชนีฯ แกว่งกรอบแคบ อิง 3 ตัวแปรการเมือง ขณะที่ตลาดโลกมีข่าวบวก สหรัฐฯ-จีน คุยจบแล้ว โดยตลาดหุ้นไทย เริ่มแผ่วลง มีกลายปัจจัยการเมืองที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันหยุด โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมือง กอรปกับดัชนีฯขึ้นมามาก อาจเกิดการขายทำกำไรขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม ในตลาดต่างประเทศ ได้ข่าวดี ทั้งในเรื่องของการจบสงครามอิหร่าน-อิสราเอล จีนลงนามข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ และดอลล่าร์อ่อนค่า
• การเมืองไทย การปรับคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล คาดว่าจะแล้วเสร็จและได้ข้อสรุปภายในวันที่ 27 มิถุนายน ท่ามกลางวิกฤตการณ์ทางการเมืองหลายด้าน ทั้งความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม และแรงกดดันจากคดีความต่างๆ
• ประเด็นการเมืองที่ถูกจับตามองมากที่สุดคือการที่ สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้ประกาศผ่านสื่อว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ นายทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 27 มิถุนายน นี้ โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับการวางแผนเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีของไทยและมีการพาดพิงสถาบันฯ
• กลุ่ม "คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย" และกลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้ นัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 28 มิถุนายน เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก … เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ของช่วงวันหยุด นักลงทุนอาจมีความกังวล และชะลอการซื้อหุ้นในวันนี้ได้
• สถานการณ์ อิหร่าน-อิสราเอลคลี่คลาย เป็นเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ดัชนีฯ ดีดตัวกลับ โดยก่อนการเริ่มโจมตีอิหร่านโดยอิสราเอล ดัชนีฯ อยู่ที่ระดับ 1122 จุด ….. เรามองว่า สงครามที่ยุติลง เป็นผลดีต่อหุ้น กลุ่มปิโตรเคมี ผู้ใช้น้ำมัน และโรงไฟฟ้า
• สหรัฐฯ-จีน คุยกันจบแล้ว ทั้งนี้ Howard Lutnick รมว.พาณิชย์ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ และจีนได้บรรลุข้อตกลงความเข้าใจ (understanding) ด้านภาษีศุลกากรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ข้อตกลงดังกล่าวซึ่ง "ลงนามและประทับตราเมื่อสองวันก่อน" ….. ข่าวนี้ เป็นข่าวบวกของตลาดโลก โดยเฉพาะจีน ส่วนอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์ คือ EV และ สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน
• Dollar Index ล่าสุด 97.3 จุด ตลาดกำลังมองว่า ดอลล่าร์กำลังอ่อนค่าลงได้อีก 4-5% เหตุผลหลักๆ คือเชื่อว่า Fed จะผ่อนคลายนโยบายการเงินในเร็วๆนี้ ……. ข่าวนี้ บวกต่อราคาสินค้า Commodity (น้ำมัน+ปิโตรเคมี) และ Crypto Currency
• การสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF และเงินเข้าใหม่ที่จะลงทุนกองทุน TESGX วันสุดท้าย 30 มิ.ย. 68 โดยเบื้องต้นคาดเม็ดเงินเข้าใหม่อาจไม่ถึงเป้า (นายกฯ สมาคมบลจ. เคยประเมินไว้ที่ 2- 3 หมื่นล้านบาท) เนื่องจากสถานการณ์ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีความเชื่อมั่นต่ำลงจาก MSCI rebalance ความกังวลด้านการเมืองและชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน LTF ณ สิ้นเดือนพ.ค.เม็ดเงินคงเหลือ 1.38 แสนล้านบาท คาดสิ้นมิ.ย.นี้เงินส่วนนี้จะโยกไป TESGX แต่ก็มีบางส่วนที่ขายออกไปด้วย
• วันนี้ เป็นวันซื้อขายวันสุดท้ายของสัญญาซีรีส์ S50M25 ซึ่งจะหมดอายุและมีการเปลี่ยนไปใช้ซีรีส์ S50U25 แทน (Rollover) เหตุการณ์นี้มักจะสร้างความผันผวนให้กับตลาดในช่วงท้ายของการซื้อขายภาคบ่าย
• Event วันนี้ : US PCE (May) ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ของ EA จำนวน 14 รุ่น
Technical : BCH, KAMART
ขณะที่ บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,090 – 1,100 แนวต้าน 1,115 – 1,120 รอประเมินสถานการณ์ชุมนุมทางการเมืองในช่วงสุดสัปดาห์นี้ แนะนำทยอยซื้อ SCC,SCGP,IVL คาดกำไรปีนี้มีโอกาสฟื้นตัวจากฐานต่ำปีก่อน/ กลุ่มธนาคาร BBL,KBANK,SCB,KTB คาดกำไร Q2/68 ยังได้เติบโตได้ระดับ YoY และมี Dividend Yield > 5%
BCPG* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 8.30 บาท) คาดกำไรปกติในช่วงที่เหลือของปีจะกลับมาเติบโตจาก Hydro power plant ที่ปริมาณน้ำมากขึ้น ประกอบกับการทยอย COD โครงการพลังงานลม Monsoon (290Mwe ถือหุ้น 48%) ในลาวที่จะเริ่มช่วง 2H68 ปัจจัยบวกที่เหลือมาจาก BCPG มีสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าในไทยน้อย ทำให้ได้รับผลกระทบอย่างจำกัดจากการแทรกแซงโดยภาครัฐ ขณะที่โรงไฟฟ้าในสหรัฐได้รับประโยชน์จากการเติบโตของธุรกิจ Data center ส่งให้ราคาขายไฟฟ้า (ค่าความพร้อมจ่าย) ในตลาดเสรีของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68 ที่ 1.42 พันล้านบาท และปี 69 ที่ 1.8 พันล้านบาท +27%YoY
SYNEX* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 14.23 บาท) Nintendo Switch2 เข้าไทยแล้ว เป็นบวกต่อ SYNEX* ที่เป็น Nintendo Authorized Store และจะช่วยหนุนสินค้า Gaming ที่มีมาร์จิ้นดี ส่วนภาพรวมการดำเนินงานในช่วงปี68 คาดว่ากลุ่มสินค้าไอทียังมีปัจจัยบวกจากDemand การเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ให้ทันกับเทคโนโลยี(4g>5g>AI) รวมถึงการใช้งาน cloud/อุปกรณ์IoT ที่แพร่หลายขึ้น นอกจากนี้ การสนับสนุนสําหรับ Windows 10 ก็จะถูกยกเลิก หลังวันที่ 14 ต.ค.68 ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี68และ69 กำไรสุทธิของ SYNEX* จะอยู่ที่ระดับ 704 ลบ.(+12%YoY) และ 795 ลบ.(+13%YoY)
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
Facebook คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews
Youtube คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/