โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สรุปประเด็นไต่สวนพยาน กลุ่มแพทย์ รพ.ตำรวจ คดีทักษิณชั้น 14 กับปมห้องพัก การใช้ยา และค่ารักษาพยาบาล

THE STANDARD

อัพเดต 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
สรุปประเด็นไต่สวนพยาน กลุ่มแพทย์ รพ.ตำรวจ คดีทักษิณชั้น 14 กับปมห้องพัก การใช้ยา และค่ารักษาพยาบาล

วันนี้ (18 กรกฎาคม) ที่ ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลนัดไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 กรณีตรวจสอบข้อเท็จจริงการบังคับโทษคดีถึงที่สุด ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

โดยในวันนี้เป็นการไต่สวนพยาน 6 ปาก ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจ และ แพทย์ผู้ทำการรักษาทักษิณ ก่อนได้รับการพักโทษ

พยานรายที่ 1 พล.ต.ท. โสภณรัชต์ สิงหจารุ อดีตนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ใช้เวลาเบิกความ 1 ชั่วโมง

โดยศาลได้สอบถามถึงรายละเอียด การเข้ารักษาตัวตั้งแต่วันแรกของจำเลย คืนวันที่ 22 สิงหาคม 2566 และที่มาเหตุผลของการเลือกใช้ห้องพักชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจระหว่างการพักรักษาตัว

นอกจากนี้ศาลได้มีการสอบถามถึงรายละเอียดใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล ,ค่ายา และ ค่าห้องพักของจำเลย ในส่วนนี้ศาลสอบถามไปถึงการใช้ยานอกบัญชีโรงพยาบาลของจำเลยเพื่อใช้รักษาอาการป่วย

โดยพยานรายที่ 1 สามารถให้ข้อมูลต่อศาลได้บางส่วน เนื่องจากดำรงตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่ ในช่วงเริ่มต้นของการรักษาตัวของจำเลยแต่ไม่ได้อยู่ในช่วงท้ายจนถึงการพักโทษของจำเลย

ทั้งนี้ศาลได้แจ้งให้พยานรายที่ 1 ส่งเอกสารเพิ่มเติมต่อศาลได้แก่ ข้อมูลของผู้ป่วยที่เคยพักรักษาที่ห้องพักชั้น 14 ก่อนหน้าที่จำเลยจะเข้าพักห้องดังกล่าว และ รายชื่อผู้ป่วยซึ่งเป็นผู้ต้องขังที่เคยเข้าพักชั้น 14 หลังจากที่จำเลยออกจากโรงพยาบาลตำรวจ

นอกจากนี้ให้แผนกรับส่งตัวผู้ป่วยของโรงพยาบาลส่งเอกสารชี้แจงถึงการ เลือกห้องพักชั้น 14 ให้จำเลยเข้าพักรักษาตัวในวันที่ 22 สิงหาคม

พยานรายที่ 1 ได้ให้การยืนยันต่อศาลว่าห้องพักที่จำเลยอาศัยตลอดระยะเวลาการรักษาตัวเรียกว่าห้องแยก ขนาดปกติ

พยานรายที่ 2 พล.ต.ท. ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ คนปัจจุบัน เข้ามาดำรงตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่ต่อจากพยานรายที่ 1 ศาลยังคงสอบถามถึงเหตุผลในการเลือกใช้ห้องพักชั้น 14 ของจำเลย

สำหรับพยานรายนี้มีความสัมพันธ์ในส่วนของการเป็นผู้เขียนใบความเห็นแพทย์กรณีการรักษาตัวเกินกว่าระยะเวลา 30 วัน และเป็นผู้ให้ความเห็นในการผ่าตัดรักษาโรคของจำเลย ซึ่งต่อมาจำเลยปฏิเสธการผ่าตัดตามความเห็นที่โรงพยาบาลตำรวจ

ทั้งนี้ศาลได้ถามถึงการใช้ยานอกโรงพยาบาลของจำเลย ซึ่งพยานรายดังกล่าวสามารถให้ข้อมูลได้ว่าจำเลยมีการใช้ยานอกโรงพยาบาลซึ่งสอดคล้องกับบิลค่ารักษาพยาบาลที่ไม่ปรากฏรายชื่อยาที่จำเลยมีการใช้ระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ

ทั้งนี้เหตุผลในการเลือกห้องพักชั้น 14 ของจำเลย ที่พยานรายที่ 2 มีการเบิกความต่อศาลได้ให้เหตุผลหลักใน 2 ข้อคือเพื่อการแยกตัวจำเลยออกมากักโรคในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 เนื่องจากจำเลยเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ และ อีกเหตุผลเพื่อควบคุมความปลอดภัยในฐานะผู้ต้องขังของเรือนจำ

ในส่วนรายละเอียดห้องพักรักษาตัวของจำเลยตลอดระยะเวลาการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ พยานรายที่ 2 เบิกความต่อศาลว่า จำเลยอยู่ในห้องพักพิเศษ ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่จำเลยจะต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง

พยานรายที่ 3 เป็นแพทย์คนแรกที่ทำการตรวจรักษาจำเลยในคืนที่ไปถึงโรงพยาบาลตำรวจ 22 สิงหาคม เป็นแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมสมองและไขสันหลัง

พยานยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดห้องพักให้จำเลย แต่ยอมรับว่า ห้องพักชั้น 14 ถือว่าเป็นห้องพักพิเศษ

ศาลได้สอบถามพยานถึงอาการที่ได้ตรวจรักษา ตามบันทึกในเอกสารของโรงพยาบาลตำรวจ โดยมีการถามด้วยว่าลักษณะอาการแต่ละช่วงอยู่ในภาวะวิกฤตหรือฉุกเฉินหรือไม่ และสามารถที่จะให้ออกจากโรงพยาบาลตำรวจได้หรือไม่ ศาลยังมีการถามด้วยว่า ทางกรมราชทัณฑ์ มีการประสานมาเพื่อขอรับตัวจำเลยกลับเรือนจำบ้างหรือไม่

จังหวะหนึ่ง ศาลได้ถามพยานว่า ในการรักษาจำเลย พยานได้มีการคำนึงถึงเรื่องข้อกฎหมายด้วยหรือไม่ ซึ่งพยานก็ตอบด้วยเสียงสั่นเครือว่า “หน้าที่ของตนเองคือการดูแลผู้ป่วย ตามจรรยาบรรณของแพทย์ ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาขึ้นศาลแบบนี้”

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวสังเกตว่า พยานมีการปาดน้ำตา และบางช่วงหลังจากนั้นที่ศาลถามคำถามต่อ พยานก็มีจังหวะที่ขอหยุดพัก และขอดื่มน้ำก่อนตอบคำถาม สรุปเวลาที่ศาลเบิกความพยานรายนี้รวม 1 ชั่วโมง 40 นาที

หลังพยานเบิกความเสร็จได้มีการเดินเข้าไปพูดคุยกับพยานรายที่ 1 คือ อดีตนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งอดีตนายแพทย์ใหญ่ได้มีการลูบหลัง

จากนั้นศาลได้พักการไต่สวนในช่วงเช้า ผู้สื่อข่าวมีโอกาสเข้าไปสอบถามกับพยานรายนี้นอกห้องพิจารณาคดี ซึ่งยอมรับว่าร้องไห้จริง เพราะรู้สึกว่าทำตามหน้าที่ของแพทย์ แต่กลับต้องมาขึ้นศาล

ในช่วงบ่าย ศาลเริ่มเบิกความพยานรายที่ 4 เป็นนายแพทย์ศัลยศาสตร์ออร์โทพีดิกส์ โรงพยาบาลตำรวจ เวลาประมาณ 13.30 น. โดยบรรยากาศในห้องพิจารณาคดีไม่คึกคักเท่าช่วงเช้า ผู้ร่วมสังเกตการณ์น้อยลงและ พยานรายที่ 1 และ 2 ไม่ได้ร่วมฟังการเบิกความ ต่างจากช่วงการเบิกความพยานรายที่ 3 ที่ อดีตนายแพทย์ใหญ่ พยานรายที่ 1 ร่วมฟังจนเสร็จสิ้น

สำหรับพยานรายที่ 4 เป็นแพทย์ผู้ช่วยผ่าตัดอาการบาดเจ็บที่ไหล่ของจำเลย และควบคุมดูแลการพักรักษาหลังการผ่าตัด โดยจำเลยได้รับการผ่าตัดช่วงเดือนตุลาคม

ศาลได้ซักถามพยานรายที่ 4 มุ่งไปที่ใบรับรองของแพทย์เนื่องจากตามหลักฐานพยานรายดังกล่าวเป็นผู้ลงชื่อกำกับใบรับรองแพทย์ของจำเลย ซึ่งพยานให้การต่อศาลยืนยันในสองส่วนคือ ใบรับรองแพทย์เป็นการใส่รายละเอียดการป่วยโดยทั่วไปของจำเลยตามจริงเท่านั้น

อีกทั้งตนเองไม่ทราบว่าจุดประสงค์ที่พยาบาลให้ลงชื่อรับรองใบรับรองแพทย์เพื่ออะไร โดยศาลใช้เวลาเบิกความพยานรายที่ 4 เป็นเวลา 45 นาที

พยานรายที่ 5 นายแพทย์อายุรกรรมเชี่ยวชาญด้านหัวใจ โรงพยาบาลตำรวจ ได้ทำการเบิกความต่อศาลว่าทำการดูแล และ ให้คำปรึกษาจำเลยที่เกี่ยวข้องกับโรคประจำตัวเดิมที่มีประวัติการรักษาจากต่างประเทศ และ ดูแลอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น

โดยพยานได้ตรวจติดตามอาการป่วยจำเลยหลังเข้ารักษาตัวอีกครั้งในวันที่ 24 สิงหาคม ซึ่งบางอาการของจำเลยไม่ได้ปรากฏแล้ว อย่างไรก็ตามได้ให้คำปรึกษาอีกครั้งถึงความเสี่ยงระดับกลางของจำเลยที่อาจส่งผลต่อโรคทางหัวใจในตอนที่จำเลยต้องรับการผ่าตัดอาการบาดเจ็บของไหล่

พยานรายนี้ได้ให้ความเห็นต่อศาลถึงความจำเป็นในการพักรักษาตัว หรือ ไม่พักรักษาตัวต่อของจำเลยที่โรงพยาบาลตำรวจและให้ข้อสังเกตต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจของจำเลยต่อศาล ศาลใช้เวลาเบิกความพยานรายที่ 5 เป็นเวลา 20 นาที

พยานรายที่ 6 เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัดส่องกล้อง และได้รับการประสานให้มาดูอาการบาดเจ็บของจำเลยระหว่างพักรักษาตัว โดยได้ทำการผ่าตัด รวม 2 ครั้ง ซึ่งศาลได้สอบถามถึงขั้นตอนในการรักษา และวางแผนผ่าตัด จนถึงการดูแลรักษาต่อเนื่องหลังการผ่าตัด

โดยถามย้ำว่า หากเป็นผู้ป่วยทั่วไป การผ่าตัดลักษณะเดียวกันนี้จะต้องใช้เวลาพักฟื้นที่โรงพยาบาลเท่าใด และจะสามารถให้กลับบ้านได้หรือไม่ ซึ่งพยานตอบคำถามมั่นใจ ชัดเจน ศาลใช้เวลาสอบถามประมาณ 20 นาที และพยานได้ขอส่งเอกสารสรุปการผ่าตัดให้ศาลเพิ่มเติม

ศาลมีคำสั่งเลื่อนไปไต่สวนพยานบุคคลต่อไปในวันที่ 25 กรกฎาคมเวลา 09.00 นตามที่นัดไว้เดิมและอนุญาตให้จำเลยนำ ศาสตราจารย์ กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองามเข้าไต่สวนในวันที่ 30 กรกฎาคม 2568

พยานโรงพยาบาลตำรวจเบิกความคดีทักษิณ
พยานโรงพยาบาลตำรวจเบิกความคดีทักษิณ
พยานโรงพยาบาลตำรวจเบิกความคดีทักษิณ
พยานโรงพยาบาลตำรวจเบิกความคดีทักษิณ
ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

สำรวจผลกระทบกฎหมาย ‘Big, Beautiful Bill’ ของทรัมป์ ถอยห่างพลังงานหมุนเวียน-ไม่สนเป้าหมายโลกร้อน

36 นาทีที่แล้ว

7-Eleven มีร้านซูชิแล้ว! CPF เปิดตัว ‘CP-Uoriki’ รูปแบบใหม่ นั่งกินในร้านได้ครั้งแรก ตั้งเป้าขยายครบ 53 สาขาทั่วไทยสิ้นปีนี้

42 นาทีที่แล้ว

ไทยพาณิชย์คว้ารางวัล “ธนาคารแห่งปี 2568” เป็นครั้งที่ 17 กฤษณ์ จันทโนทก นำทีมครองแชมป์ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน [PR NEWS]

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

นักวิทยาศาสตร์มีคำตอบ “ทำไมเวลาปัดมาสคาร่าต้องเผลออ้าปาก?”

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

"ธนาธร" เชื่อ หากยังไม่ "ปฏิรูปกองทัพ" ปิดประตู "รัฐประหาร" ไม่ได้

คมชัดลึกออนไลน์

รวบแล้ว ’เสือปุ่น’ หัวหน้าแก๊งปล้น 3.4 ล้าน กลางลานจอดห้างดัง

The Bangkok Insight

ชักสนุก! กันจอมพลัง เตรียมของเซอร์ไพรส์ เจ๊เขมร คนเดิม จะขนคนมา ถ้าแตะทหารไทย มีกระเเด่วแน่

TOJO NEWS

ด่วน! กัมพูชาแถลงโต้ข่าวสื่อไทย ปมทหารเหยียบกับระเบิดช่องบก

TNN ช่อง16

เปิดใจ ร้านชาบูดัง เจอลูกค้าแสบ ทานไม่หมดเอาแซลมอน-ซาซิมิ ห่อทิชชู่ ทิ้งห้องน้ำ

Khaosod

รวบ"เสือปุ่น" หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้อง ปล้นเงิน 3.4 ล้าน ตุ๋นแลกคริปโต จนมุมบ้านเช่า จ.ปทุมธานี

สยามรัฐ

ขนาดนั้น!! จักรภพ ฟังทักษิณปลดล็อกประเทศไทย เหมือนเห็นประตูสวรรค์!!

TOJO NEWS
วิดีโอ

The EXIT : ตรวจสอบอาคารเรียนร้าง งบ 32 ล้านบาท ใช้งานไม่ได้

Thai PBS

ข่าวและบทความยอดนิยม

ภูมิธรรม ปัดตอบแนวคิดลดงบกลาโหมทักษิณ ชี้งบฯ 69 อยู่ในชั้น กมธ. ยอมรับเทคโนโลยีเปลี่ยนสงคราม ลดกำลังคนได้จริง ส่วนไอเดียผู้ว่า CEO มท.ทำอยู่แล้ว

THE STANDARD

ทักษิณโชว์วิสัยทัศน์ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย อาสาใช้เงินส่วนตัวประกันภัยนักท่องเที่ยวจีน ยันไม่มี ‘ดีลลับ’ เชื่อ 22 ส.ค.นี้ คดี 112 จบแน่

THE STANDARD

ศาลอาญาชี้ชะตา ‘ทักษิณ’ คดี ม.112 นัด 22 ส.ค.นี้ ทนายเผย ‘วิษณุ-ธงทอง’ เป็นพยานฝ่ายจำเลย

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...