"สมศักดิ์" พบเอกชนพังงา ชู "เมืองหลวงเวลเนสอันดามัน" แหล่งรายได้ใหม่ โกยปีละ 6 หมื่นล้าน

เมื่อวันที่ 18 ก.ค.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ลาวิด้า ซาน่า เขาหลัก จ.พังงา พบปะตัวแทนผู้ประกอบการภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายจังหวัดพังงาประมาณ 20 คน นำโดยนายกฤษ ศรีฟ้า ปรึกษาสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวพังงา นำคณะเข้าหารือและยื่นข้อเรียกร้องเพื่อขอให้สนับสนุนและพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและการสาธารณสุขของจังหวัดพังงา เพื่อตอกย้ำการเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในระดับประเทศ และนานาชาติ โดยตัวแทนผู้ประกอบการได้มีข้อเสนอ 6 ข้อ ประกอบด้วย 1.ขอให้ภาครัฐจัดทำแผนส่งเสริม หรือลดข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ เพื่อเอื้อต่อการลงทุนของภาคเอกชนในธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 2.ขอให้มีการพัฒนาระบบบริการสุขภาพให้มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มจำนวนขึ้น เช่น เครื่องมือทางการแพทย์ อาคารสถานที่ การตรวจสุขภาพเพื่อให้เป็นบริการเวลเนส การให้บริการรักษาพยาบาลศักยภาพสูง

3. ขอให้พัฒนาระบบสุขภาพ การแพทย์ฉุกเฉิน ให้หลากหลายเพื่อตอบสนองต่อความต้องการ และสามารถรับมือกับนักท่องเที่ยวได้ในทุกกรณี 4. ขอให้ปรับระบบ และแก้ไขระเบียบให้เอื้อต่อการบริหารจัดการบริการ และการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลในสังกัด ทั้งในประเด็นการเพิ่มบุคลากร การพัฒนาบุคลากร การจัดเก็บรายได้จากนักท่องเที่ยวในราคาที่เหมาะสม รายได้จากระบบประกันสังคม รายได้จากการประกันสุขภาพเอกชน การลงทุนพัฒนาด้านต่างๆ ที่สัมพันธ์กับการท่องเที่ยว 5. ขอให้สนับสนุนเรื่องการพัฒนามาตรฐานการรองรับมาตรฐานให้กับผู้ประกอบการอันเกี่ยวเนื่องกับการส่งเสริมสุขภาพและเวลเนส และ6.ขอให้มีอีโคซิสเต็มส์ ที่ส่งเสริมความปลอดภัยและความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว เช่น การขจัดเรื่องยาเสพติด การจัดการสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย การป้องกันควบคุมโรคติดต่อ เป็นต้น ภายหลังการหารือ นายสมศักดิ์ มอบหมายให้ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 11 ดูแลในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับการขาดแคลนเครื่องมือ และบุคลากรทางการแพทย์ ส่วนเรื่องการปรับกฎเกณฑ์ ระเบียบต่างๆ เพื่อเอื้อต่อการทำธุรกิจท่องเที่ยวและเวลเนสรับปากจะไปดูและปรับปรุงแก้ไข

“เรื่องระเบียบกฎเกณฑ์ การทำเวลเนส ผู้ประกอบการอยากให้เป็นเมืองท่องเที่ยว แห่งอันดามัน เป็นเมืองหลวงด้านเวลเนส เพราะมีรายได้จากท่องเที่ยวปีละ 6 หมื่นล้านบาท รัฐบาลจะไม่ละเลย ส่วนที่บอกว่าขาดแคลนบุคลากร แพทย์ฉุกเฉิน แพทย์ทางไกล จะเติมมาให้ ทั้งบุคลากร และเครื่องมือแพทย์ ได้มอบให้ผู้ตรวจราชการเขตที่ 11 และนายกฤษเข้ามาติดตามต่อ”นายสมศักดิ์กล่าว

จากนั้น นายสมศักดิ์ ได้เป็นประธานเปิดโครงการบริการทุกช่วงวัย ด้วยความห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุข ภาคใต้ เขตสุขภาพที่ 11 โดยมีนายบุญธรรม ถาวรทัศนกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นพ.ศักดา อัลภาชน์ นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ปิยะ ศิริลักษณ์ ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 11 ผู้บริหารและบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส.พังงา นายบำรุง ปิยนามวาณิช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา นายกฤษ ศรีฟ้า ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวพังงา นางกันตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

นายสมศักดิ์ กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับ การดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนทุกช่วงวัย ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงผู้สูงอายุ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทย มีผู้สูงอายุประมาณ 14 ล้านคน หรือประมาณ 21% ของประชากรรวม ทำให้ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs และปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ เช่น การมองเห็น สุขภาพช่องปาก และการได้ยิน เป็นต้น ตนจึงมีความยินดีที่ได้มาเปิด โครงการบริการทุกช่วงวัย ด้วยความห่วงใย จากกระทรวงสาธารณสุข “อสม. มั่นคง สาธารณสุขเข้มแข็ง เพื่อคนไทยห่างไกล NCDs” จังหวัดพังงา ในวันนี้ ซึ่งได้นำคลินิกและหน่วยบริการ มาให้บริการพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดพังงา ถึง 11 คลินิก ได้แก่ 1. คลินิกโรคอ้วน 2. คลินิก NCDs 3. คลินิกโรคไต 4. คลินิกโรคหลอดเลือดสมอง และคัดกรองความเสี่ยงโรคเส้นเลือดหัวใจและหลอดเลือด 5. คลินิกโรคตาและต้อกระจก 6. คลินิกข้อกระดูกและกายภาพคลินิกคัดกรองการได้ยิน และการตรวจหู คอ จมูก 8. คลินิกคัดกรองมะเร็ง 9. คลินิกทันตกรรม 10. คลินิกเวชศาสตร์วิถีชีวิต (หรือไลฟ์สไตล์ เมดดิซีน) และ 11. รถให้บริการสุขภาพจิตเคลื่อนที่ และจะมอบเครื่องช่วยฟังจำนวน 10 เครื่องด้วย เชื่อมั่นว่าโครงการนี้ จะช่วยยกระดับการเข้าบริการสุขภาพ สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ ป้องกันและลดความเสี่ยงด้านสุขภาพ ตลอดจนลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของพี่น้องประชาชนได้ ซึ่งปัจจุบัน มีพี่น้องประชาชนใน 44 จังหวัด ทั่วประเทศ เข้าถึงบริการสุขภาพ ผ่านโครงการบริการทุกช่วงวัยฯ แล้ว กว่า 31 ล้านคน

นายสมศักดิ์ กล่วาว่า สำหรับโรค NCDs คนที่เป็นโรคจากการกินถึงซึ่งมีมากถึง 76 เปอร์เซ็นต์ มีค่ารักษา 7.9 หมื่นล้านบาท ถ้าปล่อยให้เจ็บป่วยแบบนี้ ประเทศมีโอกาสล้มละลายทางเศรษฐกิจ และสาธารณสุข ประเทศอื่นทำไม่ได้ แต่ประเทศไทยทำได้ เพราะมีจุดแข็งคือ อสม. ถ้ารณรงค์นับคาร์บอสม. 1 คนต่อประชาชน 50 คน นับได้ 50 ล้าน กระทรวงจะให้รางวัลตรวจสุขภาพฟรีเพิ่มจากเดิม โดยทั่วประเทศวันนี้นับได้แล้ว 39 ล้านคน หากประชาชนตื่นตัวมานับคาร์บ จะทำให้มีสุขภาพแข็งแรงขึ้น คนป่วยน้อยลง จะขอให้ อสม. ช่วยกัน เพราะเรื่องนี้เป็นประเทศเดียวในโลกที่ทำได้ เราเคยมีประสบการณ์ช่วยแก้ปัญหาโควิดมาแล้ว และเรื่องนี้ไม่ยากเท่าโควิด

จากนั้นนายสมศักดิ์ได้ให้เจ้าหน้าที่นำภาพแพทย์หญิงณิชา ใจสมุทร เเพทย์ชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลยะหริ่ง จังหวัดปัตตานีขึ้นมาประกอบการบรรยาย ผลลัพธ์การนับคาร์บ 10 เดือน น้ำหนักลดลง 20 กิโลกรัม

“วันนี้เอาของดีมาบอก กินเป็นไม่ป่วย สวยหล่อ อายุยืน นึกถึงเวลาดูหนังจีน เสนาบดีเข้าเฝ้าฮ่องเต้ แล้วอวยพรให้อายุหมื่นปี ถ้าเรากินเป็นตั้งแต่ 1 ขวบ 2 ขวบ จะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ทำให้อายุยืนได้ การกินมากจะเริ่มจากอ้วน แล้วไปความดัน เบาหวาน ไต สารพัดโรคตามมา ดังนั้น ถ้าเรารับประทานคาร์บโบไฮเดรตให้ถูกต้อง ก็จะไม่ป่วย”นายสมศักดิ์กล่าว

หลังเสร็จสิ้นภารกิจที่พังงา นายสมศักดิ์และคณะได้เดินทางต่อมายังจังหวัดภูเก็ตเพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อเยี่ยมชมบูธ Wellness และ ATMPs Sandbox และรับฟังการบรรยายดำเนินโครงการ “Premium Clinic ในเวลาราชการและการดำเนินโครงการที่สำคัญในปีงบประมาณ 2568 – 2570

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• "สมศักดิ์" ลุยลด NCDs ปลื้มลดยา-ลดงบประมาณ 615 ล้านต่อปี
• “ฝีดาษวานร” ปี  68 แนวโน้มลดลง แต่ยังเฝ้าระวังหลังพบผู้ป่วย 40 ราย
• "สมศักดิ์" ลุยศรีสะเกษ ปลื้มคนไทยนับคาร์บ ประหยัดงบฯ กว่า 600 ล้าน
• สั่ง 6 จังหวัดทะเลอันดามัน ทบทวนแผนอพยพ-พัฒนาระบบเตือนภัยแบบเรียลไทม์
• "สมศักดิ์" เรียกประชุมนัดแรก แบ่งงาน 2 รมช.สาธารณสุข ลงตัว