"บิ๊กเต่า"นำแถลงผลปฏิบัติการ"ส่วยบัตรชมพู"รวบปลัดคนดังรีดหัวคิวบัตรต่างด้าว ค้นบ้านเจอเงินสดเฉียด1.3ล.มั่นใจหลักฐานแน่น
เชียงใหม่ – “บิ๊กเต่า”รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำแถลงผล ป.ป.ช.,บก.ปปป. และ ป.ป.ท.ผนึกกำลังปฏิบัติการ “ส่วยบัตรชมพู” นำหมายศาลบุกจับปลัดคนดัง พร้อมเงินของกลางคาวิทยาลัยการปกครองเชียงใหม่ ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ มาตรา 149 และ 157 หลังผู้เสียหายร้องเรียนถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมทำบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด คุมตัวตรวจค้นบ้านพักพบเงินสดเกือบ 1.3 ล้านบาท พร้อมโฉนดที่ดิน 5 ฉบับและสมุดเงินฝาก 6 เล่ม มั่นใจหลักฐานมัดแน่นหนา
วันนี้(30 มิ.ย.68) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดเชียงใหม่ พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยนายวิวัฒน์ เจริญฉ่ำ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 5, พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. และนายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ป.ป.ช.ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการ “ส่วยบัตรชมพู” ภายหลังจากที่ช่วงสายวันนี้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.,บก.ปปป. และ ป.ป.ท.ร่วมกันนำกำลังพร้อมด้วยหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 เข้าทำการจับกุมนายบุญญฤทธิ์ (สงวนนามสกุล) ปลัดอำเภอ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ มาตรา 149 และ 157 โดยทำการจับกุมที่วิทยาลัยการปกครอง ศูนย์การเรียนรู้และฝึกอบรมภาคเหนือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นควบคุมตัวนายบุญญฤทธิ์ ไปตรวจค้นบ้านพักในตำบลสันทรายน้อย อำเภอสันทราย ซึ่งจากการตรวจค้นภายในบ้านพัก พบเงินสดทั้งหมด 1,286,000 บาท พร้อมด้วยสมุดบัญชี 6 เล่ม และโฉนดที่ดิน 5 ฉบับ
ทั้งนี้การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องสำนักงาน ป.ป.ช.ได้รับแจ้งเบาะแสจากผู้เสียหาย ซึ่งประกอบอาชีพเป็นนายหน้าแรงงานต่างด้าว ได้นำแรงงานต่างด้าวเข้าทำบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู) และคัดแบบรับรองรายการทะเบียนประวัติของคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ท.ร. 38/1) ตามกฎกระทรวงกำหนดให้คนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยปฏิบัติเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร พ.ศ.2562 กำหนดค่าธรรมเนียมการออกบัตรประจำตัว (บัตรชมพู) ฉบับละ 60 บาท และค่าธรรมเนียมการขอคัดสำเนาแบบรับรองรายการทะเบียน ฉบับละ 20 บาท แต่นายบุญญฤทธิ์ได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวจากนายหน้าแรงงานต่างด้าว จำนวน 200 บาทต่อแรงงานต่างด้าว 1 ราย ซึ่งมีเงินส่วนต่างเกินจากค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย (เงินส่วนต่าง) จำนวน 120 บาท
โดยในส่วนของผู้เสียหายที่เข้าแจ้งเบาะแสกับสำนักงาน ป.ป.ช.เพียงรายเดียว มีเงินส่วนต่างเกินจากค่าธรรมเนียม ตั้งแต่นายบุญญฤทธิ์เข้ามาปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อประมาณต้นปี พ.ศ.2566 จำนวนกว่า 2.4-3.6 ล้านบาท ขณะที่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น พบว่ามีผู้ประกอบอาชีพตัวแทนนายหน้าแรงงานต่างด้าวกว่า 100 ราย ซึ่งพฤติการณ์เก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่านายบุญญฤทธิ์เรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายละ 200 บาทต่อแรงงานต่างด้าว 1 ราย หากตัวแทนนายหน้ารายใดไม่จ่ายเงินจำนวนดังกล่าว จะไม่ได้คิวนัดเพื่อนำแรงงานเข้าทำบัตรประจำตัว
รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย ซึ่งเป็นนายหน้าแรงงานต่างด้าวว่าได้นำแรงงานต่างด้าวเข้าทำบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู) โดยนายบุญญฤทธิ์ ได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียม จากนายหน้า จำนวน 200 บาทต่อแรงงานต่างด้าว 1 คน ซึ่งมีเงินส่วนต่างเกิน จากค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย จำนวน 120 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนได้รับอนุมัติหมายจับจากศาล และวางแผนเข้าทำการจับกุมได้ที่วิทยาลัยการปกครองในอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่ออกบัตรและคัดสำเนาแบบรับรองรายการทะเบียน พร้อมเงินสดของกลางจำนวน 15,200 บาท ก่อนนำตัวผู้ถูกกล่าวหาไปทำบันทึกการจับที่สถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยเจ้าหน้าที่มั่นใจว่ามีพยานหลักฐานแน่นหนาพร้อมเอาผิดอย่างแน่นอน
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับนายบุญญฤทธิ์ นั้น ได้รับการตั้งฉายาว่า “ปลัดจอมแฉ” จากการออกมาเปิดโปงเกี่ยวกับการค้ากามเด็กสาวในจังหวัดแม่ฮ่องสอน หรือคดีแก๊งนกฮูก ที่โด่งดัง เมื่อปี 2561 และเมื่อปี 2563 แจ้งความคดี “ฌอน บูรณะหิรัญ” รับบริจาคเงินช่วยเหลือ จนท.ดับไฟป่าดอยสุเทพ รวมทั้งเมื่อปี 2566 ในช่วงที่ปลัดอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้ช่วยนายทะเบียนจังหวัดเชียงใหม่ในการปฏิบัติราชการแทนในการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าว ได้เคยเป็นผู้ที่ออกมาดำเนินการให้ตรวจสอบกรณีที่ได้รับการร้องเรียนจากนายหน้าแรงงานต่างด้าวว่าที่ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่มีการเรียกเก็บเงินกินเปล่าเพื่อแลกกับการจัดทำประวัติและออกบัตรชมพูให้แรงงานต่างด้าวหัวละ 400 บาท จนกระทั่งมีการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และต่อมานายบุญฤทธิ์ ได้มาปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO