“สนธิรัตน์” ขับเคลื่อนมูลนิธิสัมมาชีพ พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง โพสต์เฟสบุ๊คถึงสถานการณ์ของประเทศ โดยระบุว่า
อย่าท้อแท้ สิ้นหวังกับประเทศไทย โอกาสของเรายังมี เริ่มที่การพัฒนา “เศรษฐกิจฐานราก” ของประเทศ
ถ้าเศรษฐกิจแบบนี้ รัฐบาลไม่แน่นอนแบบนี้ การเมืองพึ่งพาทุนกันหนักขนาดนี้ รัฐราชการทำงานกันภายใต้ระบบคนของใคร เราจะไปต่อกันอย่างไร? ทุกวงสนทนาต่างพูดถึงความสิ้นหวังต่อประเทศไทย แต่ผมอยากจะชวนมองไปอีกทางครับ
อย่าท้อแท้ อย่าสิ้นหวังกับประเทศไทย
โอกาสของเรายังมี และโอกาสของเรามาถึงแล้วครับ ต้องเริ่มที่ตัวเราและเริ่มที่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ (Local Economy)
ผมอาศัยช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ไปพบปะ ให้กำลังใจและปิดการอบรมหลักสูตร “ผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง” หรือ Leadership for Change-LFC โดยมูลนิธิสัมมาชีพ ซึ่งจัดมาเป็นรุ่นที่ 15 แล้ว
ผมอยู่กับมูลนิธิสัมมาชีพ มาร่วม 2 ทศวรรษ ได้พูดคุย ให้แรงบันดาลใจกับ LFC มาครบทุกรุ่น ผมเองถือเป็นผลผลิตของสัมมาชีพ เข้าสู่การเมืองได้เพราะสัมมาชีพ และเข้าใจบริบทของการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากได้เพราะสัมมาชีพ
ต้องขอบคุณ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.ประเวศ วะสี ที่ตั้งต้นมูลนิธิฯ วางรากฐานแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้กับพวกเรา
ผมได้ฝากแนวทาง และโจทย์การพัฒนาไว้ให้กับชาว LFC 6 ข้อ ด้วยกัน ขอนำมาฝากพวกเราให้ได้แลกเปลี่ยนกันด้วยครับ
1. ขยายผลและต่อยอดความสำเร็จของชุมชนต้นแบบที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ ให้เกิดขึ้นในชุมชนแห่งอื่นๆ
2.เป็นตัวเชื่อม เป็นแกนกลาง ในการจับมือ ในการประสานงาน ระหว่างหน่วยงานต่างๆ ให้มาทำงานร่วมกัน
เช่น ทำให้เอสเอ็มอีตัวเล็กๆ เข้าถึงแหล่งเงินทุน และทำให้แหล่งเงินทุนเข้าถึงเอสเอ็มอีตัวเล็กๆ ที่พูดแบบนี้ เพราะเราเชื่อมการทำงานได้จากสองทาง
3.เวลาทำงาน “ต้องไม่มีตัวตน”
งานทุกงาน และทุกความสำเร็จ จะมีคนอยากปักป้ายว่า “เราเป็นเจ้าของผลงาน” อยู่เสมอ เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดตรงนี้ว่า “เราไม่มีตัวตน เราพร้อมร่วมมือกับทุกคน เราพร้อมจับมือกับทุกคน เราพร้อมเอาคนสองคนที่ต่างคนต่างทำงานของตัวเอง มาเชื่อมโยงกัน ทำงานร่วมกัน และเมื่อความสำเร็จเกิดขึ้นแล้ว ก็พร้อมยกให้เป็นผลงานของเขา”
“ถ้าจะพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก แต่เรายังมีตัวตน เราจะไม่มีวันทำงานได้สำเร็จ”
4.ทำงานไปด้วย รวบรวมและแก้ไข ปัญหา/อุปสรรคไปด้วย
ผมอยากจะย้ำว่า “บางเรื่องปรับนิดเดียว ขยับนิดเดียว สำเร็จแล้ว”
5.เศรษฐกิจชุมชนกับเศรษฐกิจทุนนิยมหลักต้องไปด้วยกันให้ได้ เราต้องสร้าง “มูลค่าเพิ่ม” ให้กับสินค้าให้ได้
โดยเฉพาะ “สินค้าเกษตร” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของประเทศ แต่ขอแนะนำว่า “อย่าขายข้าวเป็นข้าว อย่าขายผักเป็นผัก อย่าขายผลไม้เป็นผลไม้” จำเป็นต้อง “แปรรูป” ต้อง “สร้างมูลค่าเพิ่ม” ให้ได้
โอกาสตรงนี้อยู่กับเรา ต้องหาโอกาสให้เจอ
6. คุณค่า l พึ่งพาอาศัย l นวัตกรรม
Value Economy – เศรษฐกิจที่ให้ความสำคัญกับ “คุณค่า”
Solidarity Economy – เศรษฐกิจแห่ง “การแบ่งปันและพึ่งพาอาศัยกัน”
Innovation – “นวัตกรรม” ที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้ชุมชนและท้องถิ่น
วันนี้ จะใช้ประสบการณ์การเมืองและการบริหารที่มีมา ผมจึงตั้งใจที่จะขับเคลื่อน “สถาบันเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก” ขึ้น อยู่ภายใต้ มูลนิธิสัมมาชีพ เพื่อเป็นหน่วยงานหนึ่งในการช่วยสร้างคานงัดการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทย
ผมจะ “ลงทำมือ” ผมชวนทุกท่านมาร่วม “ลงมือทำ” และเพราะคนหลายคน มาร่วม “ลงมือทำ” โอกาสของประเทศไทยจึงยังมีอีกมาก