ปปท. เผย อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม ยอมรับผิดโอนเงินวัดกว่า 12.8 ล้านให้ "สีกากอล์ฟ"
ปปท. เผย อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม ยอมรับผิด ปมโอนเงินวัดกว่า 12.8 ล้านให้ "สีกากอล์ฟ" พร้อมลาสิกขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
วันที่ 14 ก.ค. 2568 ณ วัดชูจิตธรรมาราม พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาการรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีตรวจสอบเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับอดีตเจ้าอาวาส "พระเทพพัชราภรณ์" วัดชูจิตธรรมาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า ขณะนี้อดีตพระภิกษุรูปดังกล่าวได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ ยอมรับความผิดพลาด และได้ลาสิกขาเรียบร้อยแล้ว เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบทางกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ
สืบเนื่องจากการตรวจสอบร่วมกันระหว่าง ป.ป.ท. และ ป.ป.ป. (กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง) พบว่ามีการโอนเงินจากบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสรายนี้ ไปยังหญิงรายหนึ่งที่รู้จักกันในชื่อ "สีกากอล์ฟ" โดยยอดเงินรวมกว่า 12.8 ล้านบาท ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคมถึงกรกฎาคม ปี 2567
อดีตเจ้าอาวาสให้การยอมรับว่า ได้โอนเงินจำนวนดังกล่าวไปให้สีกากอล์ฟโดยเชื่อใจในตัวเธอ และหลงเชื่อว่าเธอจะนำเงินไปต่อยอดทำธุรกิจเซรามิก โดยไม่ได้มีการทำสัญญาหรือเอกสารชัดเจน จนกระทั่งไม่สามารถติดตามเงินคืนได้ในภายหลัง
พ.ต.ท.สิริพงษ์ ระบุว่า เงินที่โอนออกมานั้นมีทั้งส่วนที่มาจากบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาส และเงินจากบัญชีของวัด ซึ่งพบว่ามีจำนวนประมาณ 400,000 บาท ที่โอนจากเงินวัดโดยตรง อย่างไรก็ตาม วัดชูจิตธรรมารามไม่มีคณะกรรมการบริหารวัด จึงไม่สามารถระบุได้ว่าการโอนเงินเหล่านี้เป็นการร่วมกระทำผิดหรือไม่ แต่อดีตเจ้าอาวาสเป็นผู้มีอำนาจเพียงผู้เดียวในการบริหารจัดการด้านการเงิน
จากการสอบปากคำเบื้องต้น พบว่า อดีตเจ้าอาวาสและ ‘สีกากอล์ฟ’ รู้จักกันตั้งแต่ปลายปี 2566 และเริ่มมีการโอนเงินตั้งแต่ต้นปี 2567 โดยอดีตเจ้าอาวาสยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง เพียงแต่ตนเอง "อ่อนต่อโลก" และหลงเชื่อบุคคลที่เข้ามาในคราบของผู้มีฐานะ
“การให้เงินทั้งหมดเกิดจากความเชื่อใจ ซึ่ง ‘สีกากอล์ฟ’ ยังได้อ้างถึงพระผู้ใหญ่ที่รู้จักกันนอกวัด ทำให้เกิดความไว้วางใจยิ่งขึ้น” พ.ต.ท.สิริพงษ์กล่าว พร้อมยืนยันว่า ในขณะนี้อดีตเจ้าอาวาสยังไม่ถูกตั้งข้อกล่าวหา และมีสถานะเป็น พยาน ในคดีที่เชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินจากวัดตรีทศเทพและ ‘สีกากอล์ฟ’
ทั้งนี้ ทาง ป.ป.ท. และ ป.ป.ป. ได้เร่งขยายผลการตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด โดยเน้นพิจารณาจากธุรกรรมทางบัญชีที่เกี่ยวข้อง ไม่ยึดโยงกับประเด็นอื่น เช่น เรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือข่าวลือที่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน
เมื่อสอบถามถึงรายได้ส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ เผยว่า เป็นเงินที่ได้จากกิจนิมนต์ การเทศนา และการสอนธรรมะ ซึ่งสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างโปร่งใส
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ พยานรายหนึ่งให้ข้อมูลว่า ‘สีกากอล์ฟ’ เคยกล่าวอ้างว่าได้รายได้จากการพนันถึงกว่า 10 ล้านบาทในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเงินจำนวนดังกล่าวเกี่ยวข้องกับเงินที่โอนมาจากอดีตเจ้าอาวาสหรือไม่ ซึ่งเป็นอีกประเด็นที่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบต่อไป
สำหรับกระแสข่าวที่ระบุว่า จะมีการออกหมายจับในคดีนี้นั้น ทาง ป.ป.ท. ยืนยันว่า ยังไม่เป็นความจริง เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานหรือพยานที่ชัดเจนเพียงพอในการดำเนินคดีในชั้นนี้
“ สิ่งที่อดีตเจ้าอาวาสทำ แม้จะเป็นความผิดพลาดด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ต้องชื่นชมในความกล้าหาญและความบริสุทธิ์ใจในการยอมรับผิด และลาสิกขาออกมาเพื่อพิสูจน์ความจริง พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับเจ้าหน้าที่ ” พ.ต.ท.สิริพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย