ปตท. ครองที่ 1 บริษัทชั้นนำในไทยและอันดับ 2 ใน Southeast Asia ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อนจากนิตยสาร Fortune
ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน! ปตท. ครองตำแหน่งบริษัทชั้นนำอันดับ 1 ในเมืองไทย และอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จาก Fortune Southeast Asia 500 สะท้อนการดำเนินงานของ ปตท. ที่เป็นเลิศในระดับสากล บนหลักการ “ยั่งยืนอย่างสมดุล” ภายใต้วิสัยทัศน์ “ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทยและเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน”
เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. องค์กรระดับชาติที่มีพันธกิจในการดูแลความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศไทย จากการที่นิตยสารระดับโลกอย่าง Fortune ได้ยกให้ ปตท. เป็นบริษัทชั้นนำทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาคต่อเนื่องสองปีซ้อน ซึ่งในท่ามกลางสถานการณ์พลังงานที่มีความผันผวน และเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในปีที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า ปตท. เดินกลยุทธ์ถูกทิศทาง สามารถรับมือกับปัจจัยภายนอกและความท้าทายได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ จากการให้ข้อมูลโดย ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระบุถึงกลยุทธ์ของ ปตท. ซึ่งให้ความสำคัญกับธุรกิจหลักอย่าง Hydrocarbon เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศ พร้อมทั้งสร้างการเติบโต ควบคู่กับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
โดยที่ผ่านมา ปตท. ได้ดำเนินการหลายด้านเพื่อทำให้พันธกิจนั้นสมบูรณ์และบรรลุเป้าหมาย เช่น
- การแสวงหาแหล่งพลังงานให้กับประเทศผ่านธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ซึ่งมีการเติบโตที่ดีในต่างประเทศด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มในธุรกิจ LNG ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการซื้อขาย LNG ในภูมิภาค
- การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ปรับพอร์ตธุรกิจ Non-Hydrocarbon โดยธุรกิจต้องมีความน่าสนใจ (Attractiveness) และ ปตท. มี Right to Play หรือมีจุดแข็ง และมี Partner ที่แข็งแรง หลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง
และที่สำคัญคือการดำเนินงานด้านความยั่งยืนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร่วมแก้ไขปัญหาโลกร้อน โดย ปตท. มีเป้าหมาย Net Zero หรือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2050 พร้อมบูรณาการความร่วมมือในกลุ่ม ปตท. ศึกษาความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage: CCS) รวมถึงพัฒนา CCS Hub Model เพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม ปตท. และอุตสาหกรรมในประเทศ รวมถึงโอกาสขยายผลสู่ระดับภูมิภาคในอนาคต
นอกจากนั้น ปตท. ยังเดินหน้าแสวงหาโอกาสในธุรกิจไฮโดรเจนสำหรับภาคอุตสาหกรรม จัดหาไฮโดรเจนและแอมโมเนียคาร์บอนต่ำ และการประยุกต์ใช้ในภาคการผลิตไฟฟ้าเพื่อเป็นต้นแบบในการขยายผลเชิงธุรกิจต่อไป
ดร.คงกระพัน กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่ม ปตท. ยังได้เร่งสร้างความแข็งแรงภายใน สร้างมูลค่าเพิ่มจากความร่วมมือภายในกลุ่ม ปตท. ผ่านโครงการสำคัญต่าง ๆ ยกระดับ Operational Excellence เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน มีแผนงานและเป้าหมายเป็นรูปธรรม นำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ซึ่งสามารถยกระดับผลกำไรได้
ขณะเดียวกันยังเสริมความแข็งแกร่งด้วยการรักษาวินัยทางการเงินและการลงทุนอย่างเคร่งครัด ตลอดจนบริหารสภาพคล่องกระแสเงินสดภายในกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ และยึดหลักการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล (Good Governance) ดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างสมดุล สร้างผลตอบแทนที่เหมาะสม พัฒนาคุณภาพชีวิตของสังคมไทย เพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคมและผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน
ต้องยอมรับว่า การที่ ปตท. ได้รับการจัดอันดับในฐานะบริษัทชั้นนำต่อเนื่องกัน 2 ปีซ้อนจากนิตยสาร Fortune นับเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นและความสำเร็จในการดำเนินงานของ ปตท. โดยที่นิตยสาร Fortune เป็นนิตยสารธุรกิจ เศรษฐกิจ และการเงิน ที่ได้รับความน่าเชื่อถือ และวางจำหน่ายทั่วโลก
ทั้งนี้ นิตยสาร Fortune ได้เริ่มจัดอันดับบริษัทชั้นนำของโลก 500 อันดับ (Fortune Global 500) ครั้งแรกในปี พ.ศ.2498 และเริ่มจัดอันดับ Fortune Southeast Asia 500 ในปี พ.ศ.2567 เพื่อเป็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จ แสดงเห็นถึงผลการดำเนินงาน การเติบโต แนวโน้ม และทิศทางของธุรกิจ พร้อมสร้างโอกาสในการขยายตลาดให้แก่ธุรกิจในภูมิภาคนั้น ๆ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจโลกเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากขึ้นด้วย
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO