โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

‘คณะมนตรียูเอ็น’นัดถกด่วน!

ไทยโพสต์

อัพเดต 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 16 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น” ถกด่วนปมไทย-กัมพูชา “มะกัน-ฝรั่งเศส” ออกแถลงการณ์ยุติการยิงทันที “ไทย” ลุยส่งหนังสือทั้ง UNSC และ UN ไล่เรียงเหตุการณ์ตั้งแต่วางทุ่นระเบิดจนถึงเปิดฉากยิงก่อน ชี้ชัดเขมรละเมิดอนุสัญญาออตตาวา-กฎบัตรสหประชาชาติ-อนุสัญญาเจนีวา

เมื่อวันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เตรียมจัดการประชุมฉุกเฉินแบบปิดในวันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม เวลา 15.00 น. หรือตรงกับเวลา 22.00 น. ตามเวลาในไทย เพื่อตรวจสอบและหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกำลังบานปลายอย่างหนัก

ด้านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐอเมริกามีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับรายงานการต่อสู้ที่ทวีความรุนแรงขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เรารู้สึกตกใจเป็นอย่างมากกับรายงานถึงอันตรายที่เกิดขึ้นกับพลเรือนผู้บริสุทธิ์ เราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียชีวิต เราเรียกร้องอย่างจริงจังให้ยุติการโจมตีโดยทันที ปกป้องพลเรือน และระงับข้อพิพาทด้วยสันติวิธี

ส่วนกระทรวงกิจการยุโรปและการต่างประเทศ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์ว่า ฝรั่งเศสขอแสดงความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุปะทะบริเวณชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2568 ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต ฝรั่งเศสขอเรียกร้องให้กัมพูชาและไทยยุติการปะทะโดยทันที และยึดหลักสันติวิธีในการแก้ไขข้อพิพาทตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ฝรั่งเศสขอแนะนำให้พลเมืองฝรั่งเศสหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ชายแดนดังกล่าว สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวอยู่แล้ว ขอให้เดินทางออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด และแจ้งข้อมูลติดต่อของตนต่อสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสได้

ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์รัฐบาลผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า เมื่อวานนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกับเลขาธิการสหประชาชาติ และรัฐบาลได้มีหนังสือถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง ประณามการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งขอเชิญชวนให้ประชาคมโลกร่วมประณามการกระทำอันไร้มนุษยธรรมนี้

นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะรองโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงว่า ตามที่ปรากฏในรายงานข่าวว่าฝ่ายกัมพูชาได้ส่งหนังสือถึงประธานยูเอ็นเอสซี ขอให้เรียกประชุมด่วนเพื่อยุติเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมกล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่ายรุกรานอธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ ฝ่ายไทยโดย กต.ได้มีหนังสือถึงยูเอ็นเอสซีเช่นกัน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งไทยมีหลักฐานว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน และใช้ความรุนแรงจนพลเรือนฝ่ายไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก เป็นการรุกรานอธิปไตยเป็นที่ประจักษ์อย่างชัดเจน ไทยขอให้ประธานยูเอ็นเอสซีเวียนหนังสือของฝ่ายไทยที่เป็นเอกสารทางการของยูเอ็นเอสซี เพื่อให้สมาชิกทุกประเทศได้รับทราบด้วย โดย รมว.กต. ซึ่งขณะนี้อยู่ที่นครนิวยอร์ก ได้พบกับบุคคลสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้แทนของประเทศปากีสถาน ซึ่งเป็นประธานของยูเอ็นเอสซีในเดือน ก.ค. และยังได้พบกับผู้แทนปานามา ซึ่งจะเป็นประธานยูเอ็นเอสซีในเดือน ส.ค. เพื่อชี้แจงจุดยืนและนำเสนอข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และยังได้พบกับเลขาธิการยูเอ็นอีกด้วย

นางมาระตียังกล่าวถึงการประชุมแบบปิดของยูเอ็นเอสซีว่า เป็นการจัดขึ้นเป็นปกติเมื่อมีเหตุการณ์ปะทะระหว่างสองประเทศที่เกิดขึ้นทั่วโลก และไม่ใช่เป็นการประชุมเพื่อลงมติใดๆ เป็นเพียงการหารืออย่างไม่เป็นทางการ โดยเชิญคู่กรณีพร้อมกับสมาชิก 15 ประเทศ ทั้งสมาชิกถาวรและไม่ถาวรของยูเอ็นเอสซีไปให้ข้อมูล

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าววว่า รัฐบาลไทย โดย กต. และคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาคมระหว่างประเทศอย่างตรงไปตรงมา บนพื้นฐานของหลักฐานที่ตรวจสอบได้ ภายใต้กรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งล่าสุดคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้ส่งหนังสือแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไปยังคณะผู้แทนถาวรและคณะผู้สังเกตการณ์ถาวรประจำสหประชาชาติในนครนิวยอร์กทั้งหมดแล้ว

มีรายงานว่า คณะผู้แทนถาวรไทยได้ส่งหนังสือออกไป 3 ฉบับแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. โดยฉบับแรกเป็นหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวอ้างของนายกฯ กัมพูชาให้กับนายอาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรปากีสถานประจำยูเอ็น ในฐานะประธาน UNSC ในปัจจุบัน พร้อมส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้คณะผู้แทนถาวรของสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมดรับทราบด้วย

ขณะเดียวกัน คณะผู้แทนถาวรไทยยังได้ส่งหนังสือไปถึงนายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการยูเอ็น เพื่อแจ้งเหตุการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ เก็บสะสม ผลิต และถ่ายโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

ทั้งนี้ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำยูเอ็น ได้เผยถึงหนังสือที่ทำถึงยูเอ็น โดยเริ่มตั้งแต่การไล่เรียงเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 16 และ 23 ก.ค.2568 ที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติเหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นายบาดเจ็บสาหัส ส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ต่อมาเมื่อวันที่ 24 ก.ค.2025 เวลา 08.20 น. ทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงใส่ฐานทหารไทยที่ตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 2 นายโดยทันที หลังจากนั้นไม่นาน กองทัพกัมพูชาได้เปิดการโจมตีดินแดนของไทยใน 4 จังหวัด โดยไม่เลือกเป้าหมาย ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี การกระทำที่ก้าวร้าว ไม่เลือกเป้า และขัดต่อกฎหมายต่อพลเรือนไทยเหล่านี้ ก่อให้เกิดภัยร้ายแรงและนำไปสู่การสูญเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์อย่างน่าเศร้า ซึ่งรวมถึงผู้หญิงและเด็ก โครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน รวมถึงโรงพยาบาล และโรงเรียนได้รับความเสียหายอย่างมากเช่นกัน ณ เวลา 14.00 น. ของวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ.2025 การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 11 ราย และบาดเจ็บ 24 คน ในจำนวนนี้ 8 คนอาการสาหัส มีประชาชนมากกว่า 102,000 คน ได้รับการอพยพออกจากบ้านของตน

“การโจมตีด้วยอาวุธอย่างต่อเนื่องโดยปราศจากการยั่วยุใดๆ ของกองทัพกัมพูชา เป็นการละเมิดอย่างชัดเจนต่อมาตรา 2 (4) ของกฎบัตรสหประชาชาติ รวมถึงหลักการแห่งความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างรัฐ ประเทศไทยได้ใช้ความอดกลั้นและยับยั้งชั่งใจอย่างที่สุด ต่อการโจมตีด้วยอาวุธซึ่งมีการเตรียมการล่วงหน้าโดยกัมพูชา แต่ถูกบังคับให้ใช้สิทธิในการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ”

หนังสือยังระบุว่า ประเทศไทยขอประณามอย่างรุนแรงต่อการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชาต่อพลเรือน ทรัพย์สินของพลเรือน และสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาล ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ค.ศ.1949 อย่างชัดเจน โดยเฉพาะมาตรา 18 แห่งอนุสัญญาเจนีวาฯ ฉบับที่หนึ่ง (ว่าด้วยการคุ้มครองผู้บาดเจ็บและเจ็บป่วย-การคุ้มครองโรงพยาบาล) และมาตรา 19 แห่งอนุสัญญาเจนีวาฯ ฉบับที่ 4 (ว่าด้วยการคุ้มครองหน่วยงานและสถานพยาบาล) การกระทำอันไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ได้ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานและความยากลำบากแก่พลเรือนผู้บริสุทธิ์.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

วธ.เตรียมพร้อม ‘พิธีการศพในพระบรมราชานุเคราะห์’ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

19 นาทีที่แล้ว

ได้เวลา ‘กริพเพน’ ผนึก F-16 ถล่ม ‘ภูมะเขือ-เขาพระวิหาร’ สกัดทหารเขมรใช้อาวุธวิถีโค้ง

58 นาทีที่แล้ว

ทภ.2 สรุปสมรภูมิชายแดนปะทะหนัก 6 จุด ไทยยึด ‘ภูมะเขือ’ ได้แล้ว ‘ปราสาทตาควาย’ ยังรบเดือด

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘หมอก้อง’ ได้ฤกษ์รวมพล เปิด ‘FIN STARS MARKET’

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

ผู้อพยพจากสระแก้ว หนีมาหลบในปราจีนบุรี หน่วยงานเร่งช่วยเหลือ

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23
วิดีโอ

ฝ่ายจีน ฝากสื่อสารถึงคนไทย นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จีนไม่เคยสนับสนุนยุทโธปกรณ์ใดๆ

BRIGHTTV.CO.TH

การรถไฟฯ แจ้งงดเดินขบวนรถ ช่วงสถานีอรัญประเทศ – ด่านพรหมแดนบ้านคลองลึก ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

THE STANDARD

สลด! รถพ่วงชน “กระทิงทับลาน" ดับ กระบะชนซ้ำคนเจ็บ 7

Thai PBS

"แพทองธาร" เข้ากระทรวงวัฒนธรรม ถกช่วยผู้ได้รับผลกระทบชายแดน ปิดปากปมอาวุธหนักกัมพูชายิงไกล 130 กม.

The Better

คาด ‘ศูนย์ข้อมูล’ ของมาเลเซีย สร้างผลผลิตทางเศรษฐกิจ 3.4 หมื่นล้านดอลล์

Xinhua
วิดีโอ

จีน ย้ำ! ไม่เคยสนับสนุนยุทโธปกรณ์ใด ๆ ให้กับกองทัพกัมพูชาเพื่อให้มาใช้โจมตีไทย

สวพ.FM91

การรถไฟฯ ประกาศงดเดินรถไฟ สายตะวันออก อรัญประเทศ - คลองลึก ไม่มีกำหนด

สยามนิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...