โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ชวนเที่ยว ‘พิพิธภัณฑ์ครุฑ’ เดือนสิงหา 68 รับของที่ระลึกจำนวนจำกัด

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"คนไทยทุกคนเกิดมา ล้วนมีองค์ครุฑประจำตัว" เป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงเลย ไม่ว่าใบแจ้งเกิด บัตรประชาชน ใบทะเบียนบ้าน ธนบัตร เหรียญกษาปณ์ ฯลฯ

นับเป็นโอกาสดีที่ได้ไปเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์ครุฑ แห่งแรก และแห่งเดียวของอาเซียน อยู่ใกล้ ๆ กรุงเทพฯ จ.สมุทรปราการนี่เอง

เรานั่งรถไฟฟ้า BTS สีเขียวไปลงที่สถานีเคหะ แล้วต่อรถตู้ไปอีกนิดหนึ่งก็ถึง ลงรถมาพบกับองค์ครุฑขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า

พญาครุฑองค์ใหญ่สูงกว่า 4 เมตร เคยเป็นตราครุฑที่ธนาคารนครหลวงไทย สำนักงานใหญ่ ถนนเพชรบุรี ได้รับพระราชทานจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายหลังจากถูกควบรวมกิจการ วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554 จึงอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ ที่แห่งนี้

องค์ครุฑขนาดใหญ่ ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ Cr. Kanok Shokjaratkul

อุตมะ ปภาภูธนะนันต์ ผู้จัดการพิพิธภัณฑ์ครุฑ ผู้นำชม เล่าที่มาของพิพิธภัณฑ์ครุฑ ให้ฟังว่า พิพิธภัณฑ์ครุฑ โดยธนาคารทหารไทยธนชาต เกิดขึ้นในปี 2554 เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา

"ในเวลานั้นธนาคารธนชาตและธนาคารนครหลวงไทยได้ควบรวมกิจการกัน ส่งผลให้องค์ครุฑที่ประดิษฐานอยู่ตามสาขาต่าง ๆ ทั่วประเทศต้องถูกจัดเก็บตามพระราชบัญญัติ อาคารแห่งนี้มีแบบแปลนคล้ายองค์ครุฑขนาดใหญ่ จึงใช้เป็นสถานที่จัดเก็บและจัดแสดงองค์ครุฑ

ปี 2564 ธนาคารธนชาตและธนาคารทหารไทยได้ควบรวมกิจการกันเป็น ธนาคารทหารไทยธนชาต มีการปรับปรุงเป็น 6 โซน และเปิดให้ประชาชนเยี่ยมชมและเรียนรู้ ทุกวันศุกร์และวันเสาร์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ "

องค์ครุฑขนาดใหญ่ ตรงทางเข้า Cr. Kanok Shokjaratkul

ครุฑ เป็นต้นแบบความกตัญญู ปลดปล่อยมารดาสู่อิสรภาพ อีกทั้งตำนานศึกสายเลือด ต่างมารดา ระหว่างครุฑกับนาค มีที่มาอย่างไร ลองมาฟังกัน

"ตามคติเทวราชาศาสนาพราหมณ์ฮินดูมีความเชื่อว่า กษัตริย์คือพระนารายณ์อวตารลงมาปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุข โดยมี พญาครุฑ เป็นพระพาหนะผู้ซื่อสัตย์ คอยติดตามไปทุกหนแห่ง เราจึงพบเห็น ตราครุฑพ่าห์ อยู่ในทุกที่ที่องค์กษัตริย์เสด็จไป

ในคัมภีร์ปุราณะกล่าวว่า พญาครุฑเป็นอวตารปางหนึ่งของพระนารายณ์ บางตำรากล่าวว่า พระนารายณ์เป็นผู้สร้างพญาครุฑขึ้นมา และบางตำรากล่าวว่าพญาครุฑถือกำเนิดขึ้นมาจากบุคคลอื่น

อย่างไรก็ตาม ตำนานการกำเนิดครุฑที่นิยมเล่าขานกันมากที่สุด คือคติฮินดู ที่เล่าถึงบิดาของพญาครุฑและพญานาค พระกัศยปะฤาษี ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ ได้อภิเษกสมรสกับธิดาของพระทักษะประชาบดี คือนางวินตาและนางกัทรุ

นางกัทรุ ขอพรให้มีบุตรผู้มีพละกำลังแกร่งกล้า และได้คลอดบุตรเป็นไข่ 1,000 ฟอง เมื่อไข่แตกออก พญานาคผู้มีฤทธิ์มากนับพันตน จึงถือกำเนิดขึ้น

นางวินตา ขอพรให้มีบุตรเพียง 2 ตน มีพละกำลังยิ่งใหญ่เหนือใคร เมื่อเวลาผ่านไปไข่ของนางวินตาก็ยังไม่แตกออก ด้วยความร้อนใจ นางจึงทุบไข่ออกมา 1 ฟอง ทำให้บุตรนั้นพิการเหลือเพียงครึ่งตัว ด้วยความโกรธแค้นในมารดา บุตรนั้นสาปแช่งให้นางวินตาต้องตกเป็นทาสของนางกัทรุเป็นเวลานานถึง 500 ปี และผู้ถอนคำสาปได้คือบุตรอีกตนหนึ่ง จากนั้นก็เหินขึ้นไปเป็นสารถีให้พระอาทิตย์ ได้รับการขนานนามว่าพระอรุณ เมื่อเวลาผ่านไป ไข่อีกฟองเริ่มแตกออก พญาครุฑ ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น

Cr. Kanok Shokjaratkul

ในพุทธศาสนา ตำนานครุฑมีความแตกต่างออกไป สามารถกำเนิดขึ้นได้ถึง 4 แบบ คือ ออกมาจากไข่ (อันฑชะ) เกิดในครรภ์ (ชลาพุชะ) เกิดจากเถ้าไคล (สังเสทชะ) เกิดขึ้นได้เองเหมือนเทวดา (โอปปาติกะ)

ที่อยู่อาศัยของครุฑ ในไตรภูมิพระร่วงกล่าวไว้ว่า พำนักอยู่ที่ปากถ้ำริมสิมพลี ณ ตีนเขาพระสุเมรุ คอยจับนาคมากินเป็นอาหาร แต่ไม่ใช่ทุกตน เพราะนาคบางเผ่าพันธุ์ก็มีอิทธิฤทธิ์มาก

ลักษณะและพลังอำนาจ พญาครุฑ มีลำตัวใหญ่ มากกว่า 50 โยชน์ (หนึ่งโยชน์เท่ากับ 8,000 วา หรือ 16 กิโลเมตร) ขนปีกซ้ายขวาแต่ละข้างยาว 50 โยชน์ เมื่อกระพือปีกครั้งหนึ่ง สามารถพัดพาเอาต้นไม้หรือสิ่งของบนพื้นดินปลิวตามแรงลมขึ้นมาได้ แม้แต่บนผิวน้ำของมหาสมุทรก็ยังแตกออกเป็นวงกว้างถึง 100 โยชน์

Cr. Kanok Shokjaratkul

ครุฑ มีรูปร่างลักษณะแตกต่างกันไปตามตำนานความเชื่อในแต่ละพื้นที่ ได้แก่ มีกายเป็นมนุษย์แต่มีปีกเป็นนก, มีกายเป็นมนุษย์แต่มีศีรษะเป็นนก, มีกายเป็นมนุษย์แต่ศีรษะและขาเป็นนก, มีกายเป็นนกแต่มีศีรษะเป็นมนุษย์ และ มีลำตัวกับศีรษะเป็นพญาครุฑ

พญาครุฑในสังคมไทย สามารถพบเห็นตราสัญลักษณ์ได้ในหลายสถานที่ ไม่ว่า ศาสนสถาน, ธนาคาร, หน่วยงานราชการ, องค์กรเอกชน, เครื่องรางของขลัง

โซน 1 โถงต้อนรับ Cr. Kanok Shokjaratkul

ในภาพคติจักรวาลวิทยาที่วาดขึ้นสมัยพระธรรมราชาที่ 1 ถึงพญาลิไทแห่งอาณาจักรสุโขทัย ปี พ.ศ.1888 จักรวาลเปรียบเสมือนมะนาวผ่าซีกคว่ำลง จุดศูนย์กลางคือ เขาพระสุเมรุ มีขนาดใหญ่โตถึง 84,000 โยชน์ (1,344,000 กิโลเมตร) และมีความลึกเท่ากัน ล้อมรอบด้วยเทือกเขาวงแหวน 7 ชั้น เรียกว่า เทือกเขาสัตตบริภัณฑ์ ด้านล่างสุดของจักรวาลมีปลาขนาดใหญ่ 1 ตัว ชื่อว่า ปลาอานันทะ หากปลาตัวนี้เคลื่อนไหว ก็จะเกิดแผ่นดินไหว

ในจักรวาลมีทั้งหมด 4 ทวีป แต่ละทวีปมีมนุษย์รูปร่างลักษณะต่างกัน ทิศตะวันตก อปรโคยานทวีป มนุษย์มีใบหน้าเสี้ยวพระจันทร์, ทิศเหนือ อุตรกุรุทวีป มนุษย์มีใบหน้าสี่เหลี่ยม, ทิศตะวันออก บุรพวิเทหทวีป มนุษย์มีใบหน้ากลม, ทิศใต้ ชมพูทวีป มนุษย์มีใบหน้ารูปไข่ เป็นทวีปที่มีความทุกข์ ก่อให้เกิด สัจธรรม (หรืออริยสัจ 4: ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) เป็นที่กำเนิดของพระพุทธศาสนา วัตถุประสงค์ของการสร้างสรรค์ภาพคติจักรวาลวิทยาเพื่อให้เห็นเรื่องของบาป บุญ คุณ โทษ

โซน 2 ครุฑพิมาน Cr. Kanok Shokjaratkul

ที่ด้านหน้าของเขาพระสุเมรุ มีสระน้ำชื่อว่า สระอโนดาต น้ำในสระไหลเข้าออกได้ 4 ทิศผ่านประตูน้ำ 4 ประตู แต่ละประตูเชื่อมโยงกับสัตว์มงคลประจำทิศ

ทิศตะวันออก สิทธามุข เป็นที่อยู่ของสิงโต, ทิศตะวันตก อัสมุข เป็นที่อยู่ของม้า, ทิศเหนือ ปทุมุข เป็นที่อยู่ของช้าง, ทิศใต้ อุสมุข เป็นที่อยู่ของวัว ในคติพราหมณ์เชื่อว่าน้ำนมวัวเป็นน้ำนมศักดิ์สิทธิ์ใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ

นอกจากนี้ยังมีสัตว์วิเศษอื่น ๆ ได้แก่ คชสีห์ (คชะ-ช้าง, สีห์-ราชสีห์) สัตว์ผสมที่ปรากฏในกฎหมายตรา 3 ดวง สมัยรัชกาลที่ 1 ปัจจุบันเป็นตราประจำกระทรวงกลาโหม

โซน 2 ครุฑพิมาน Cr. Kanok Shokjaratkul

กินรี หรือ มักกะลีผล (นารีผล) ผลไม้ที่ออกเป็นรูปหญิงสาว เมื่อผลหลุดร่วงแล้วจะอยู่ได้เพียง 7 วัน ถูกเนรมิตขึ้น 16 ต้น โดยท้าวสักกะเทวราช เพื่อปกป้องพระแม่มัทรีผู้มีสิริโฉมงดงามจากการถูกรบกวนในป่าหิมพานต์ ขณะที่พระเวสสันดรประทับอยู่ ต้นนารีผลถือเป็นเครื่องทดสอบกำลังใจของผู้บำเพ็ญเพียร เพราะการเสพสังวาสกับสตรีหรือนารีผลจะทำให้ตบะเสื่อม

คนธรรพ์ (พลธรรพ์) เทพบุตรรูปงาม มีหน้าที่บรรเลงดนตรีให้ความบันเทิง เป็นคาสโนว่าแห่งสวรรค์ แต่แพ้ให้กับสตรี เช่นต้นมักกะลีผล

โซน 4 อมตะจ้าวเวหา Cr. Kanok Shokjaratkul

  • พญาครุฑ สัญลักษณ์แห่งองค์ราชัน

ตามคติเทวราชา เชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นอวตารของ พระนารายณ์ ลงมาปกครอง ทำให้ ครุฑ กลายเป็นเครื่องหมายสำคัญของพระมหากษัตริย์ไทย และเป็นตราแผ่นดินมาอย่างยาวนาน

ตั้งแต่สมัยทวารวดี อยุธยา รัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สถาปนาราชวงศ์จักรี (พ้องเสียงกับ จักร และ ตรี อาวุธของพระนารายณ์) ครุฑปรากฏเด่นชัดในสถาบันหลักทั้ง 3 คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมถึงศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม

ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบตราแผ่นดินเป็น ตราพระครุฑพ่าห์ ใช้มาถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ ครุฑยังปรากฏในธงมหาราช แสดงถึงการประทับของพระมหากษัตริย์ ณ สถานที่นั้น ๆ ครุฑจึงเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์

โซน 3 นครนาคราช Cr. Kanok Shokjaratkul

  • ครุฑยุดนาค

ตามตำนานเล่าว่า เมื่อครุฑรู้ว่านาคโกงมารดาของตน จึงไปขอพรจากมหาเทพ (บางตำราบอกพระอินทร์ บางตำราบอกพระนารายณ์) ให้สามารถกินมันเปลวเหลวบริเวณหน้าท้องของนาคได้ การที่ครุฑกินนาค ทำให้ทั้งคู่ตายแล้วตายเล่า เป็นกรรมที่ผูกพันกัน

กรรมนี้ตกมาถึง ปันธรกนาคราช และครุฑอีกองค์หนึ่ง ปันธรกนาคราชเป็นผู้ฉลาด ได้กลืนหินจำนวนมากไว้ในท้องเพื่อไม่ให้ครุฑจับกินได้ ร้อนถึงหัวหน้าครุฑต้องไปหาชีปะขาว ผู้แสร้งทำเป็นผู้ปฏิบัติธรรมไปหลอกถามปันธรกนาคราชถึงวิธีจับนาคให้สำเร็จ ปันธรกนาคราชเชื่อใจว่าเป็นครูบาอาจารย์จึงยอมบอกว่าให้จับที่หางแล้วเขย่าออก เมื่อครุฑรู้ความจริงก็ทำตาม ทำให้จับปันธรกนาคราชได้สำเร็จ กลายเป็นภาพครุฑยุดนาค

Cr. Kanok Shokjaratkul

ปันธรกนาคราชอุทานเป็นอรรถกถาธรรมว่า "เราไม่น่าบอกสิ่งที่มิควรบอกกับบุคคลที่ไม่ควรบอกเลย ภัยที่เกิดจากมิตรย่อมร้ายกว่าภัยที่เกิดจากศัตรู เราเสียแก่บุคคลที่เราไว้ใจ"

เมื่อครุฑได้ยินดังนั้นก็สำนึกผิด ประกาศว่า ท่านจงมาเป็นบุตรของเราเถิด โดยถือว่าปันธรกนาคราชเป็นบุตรประเภท ลูกศิษย์ ตั้งแต่นั้นมา ครุฑกับนาคก็เคารพกัน ความอาฆาตแค้นจึงยุติลง

ในพุทธศาสนา ปันธรกนาคราชมาเสวยชาติเป็น พระสารีบุตร ส่วนองค์ครุฑมาเสวยชาติเป็น พระสมณโคดม (พระพุทธเจ้า) และชีปะขาวคือ พระเทวทัต เรื่องราวนี้ปรากฏในปันธรกชาดก แสดงให้เห็นว่า ทุกอย่างยุติได้ด้วยความรักและความเมตตา"

Cr. Kanok Shokjaratkul

  • ครุฑกับสถาบันพระมหากษัตริย์

ในโซนที่ 5 สุบรรณแห่งองค์ราชัน ตามรอยตราพระครุฑพ่าห์ : เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์ได้ทรงหลั่งทักษิโณทกและให้คำมั่นสัญญากับปวงชนชาวไทยไว้ว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"

"ตลอดเวลากว่า 70 ปีแห่งการครองราชย์ พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไป โดยมี ธงมหาราชโบกสะบัดนำหน้า ทรงการแก้ไขปัญหาน้ำ พัฒนาคุณภาพดิน จนได้รับการถวายพระราชสมัญญาเป็น บิดาแห่งดินโลก เคยมีผู้กราบบังคมทูลถามพระองค์ว่า เหตุใดจึงทรงพระดำเนินอย่างรวดเร็ว พระองค์ตรัสตอบว่า"เพราะความทุกข์ของประชาชนไม่เคยรอ"

องค์ครุฑนำทัพ จ.ตาก (ด้านขวา) Cr. Kanok Shokjaratkul

ในปี พ.ศ. 2511 เพียงปีเดียว พระองค์เสด็จพระราชดำเนินกว่า 48,000 กิโลเมตร พระราชทาน หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่การประหยัด แต่คือ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข

3 ห่วง คือ ความพอประมาณ การมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว

2 เงื่อนไข คือ ความรู้ คู่ คุณธรรม ไม่ใช่ผลกำไรหลัก แต่มุ่งสู่ความสงบสันติสุขที่เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนในการดำเนินชีวิต

Cr. Kanok Shokjaratkul

หากเปรียบประเทศชาติเป็นต้นไม้ใหญ่ สิ่งที่คนมักลืมคือราก หากไม่มีพ่อขุนรามคำแหง เราจะมีภาษาใช้หรือไม่ หากไม่มีสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือสมเด็จพระเจ้าตากสิน เราจะมีเอกราชหรือไม่ หากไม่มีราชวงศ์จักรี แผ่นดินไทยของเราจะเป็นเช่นไร สถาบันพระมหากษัตริย์นั้นมีคุณูปการอย่างมหาศาลต่อคนไทย

ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีโครงการในพระราชดำริกว่า 5,000 โครงการ สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินไทยล้วนเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างสรรค์ปูทางไว้ เปรียบดังแสงประทีปนำทาง นี่เป็นส่วนหนึ่งที่ธนาคารทหารไทยธนชาตและพิพิธภัณฑ์ครุฑ ตั้งใจถ่ายทอดเพื่อสะท้อนความสำคัญของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์"

เราเดินชมโซนต่าง ๆ พร้อมฟังคำบรรยายจนมาถึงโซนสุดท้าย โซนที่ 6 ห้องจัดแสดงครุฑ

Cr. Kanok Shokjaratkul

  • องค์ครุฑ จากตำนานสู่สัญลักษณ์แห่งความมั่นคง

ตามบทประพันธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) อธิบายลักษณะของ ครุฑ ว่ามีพักตร์สีขาวชื่อว่าสิตา แปลว่าผู้มีใบหน้าสีขาว ร่างกายสีทองมีชื่อว่า วันกาย มีปีกสีแดง จึงมีชื่อว่า รัต แปลว่าผู้มีปีกสีแดง

ครุฑในหน่วยงานราชการหรือบริษัทเป็นสีทอง ในสมัยรัชกาลที่ 5 ต่อมารัชกาลที่ 6 ทรงให้พระเทวาภินิมิตออกแบบตราครุฑพระราชทานใหม่ กำหนดให้เป็น สีแดง สำหรับบริษัทและร้านค้าที่ค้าขายกับพระราชสำนัก เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความมั่นคงและคุณงามความดีของบริษัทนั้น ๆ

ลักษณะขององค์ครุฑที่ได้รับพระราชทาน จะสวมมงกุฎเตี้ย มีกาสร หรือผ้าห้อยทอง มีทับทรวงรัตนมณี มีปลอกแขนเรียกว่า พระ หากไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต จะมีข้อความระบุว่า โดยได้รับคำราชานุญาต ปัจจุบันมีพระราชกฤษฎีกาควบคุมการขอรับพระราชทานตราครุฑฯ กำหนดให้ผู้ขอเป็นนิติบุคคลที่มีฐานะการเงินดี ไม่มีหนี้สินล้นพ้น ตามมาตรา 8 ที่สำนักนายกรัฐมนตรีดูแล

Cr. Kanok Shokjaratkul

ในโซนนี้มีองค์ครุฑมากมาย ลักษณะแตกต่างกัน คุณอุตมะเล่าต่อว่า องค์ครุฑที่จัดสร้างมี 3 หน้า

  • ครุฑหน้านก เพื่อให้รู้สึกถึงเมตตา บารมี และเชื้อเชิญการค้า มีใบหน้ากลมมน
  • ครุฑหน้ายักษ์ มีตากลมโต คิ้วเป็นคิ้วจระเข้ ปากจระเข้ แสดงถึงอำนาจ วาสนา บารมี ให้คนยำเกรง เช่น องค์ครุฑหน้ายักษ์จากสาขาประเวศ มีลักษณะเหยียดแขนตึงและพับนิ้วเก็บ ซึ่งเป็นท่าร่ายรำนาฏศิลป์
  • ครุฑหน้าเทวดา มีใบหน้าเหมือนมนุษย์ แต่มีปากเป็นนก

เดิมทีองค์ครุฑสร้างจากไม้มงคลเนื้อแข็ง เช่น ไม้พยุง ไม้ตะเคียน ต้องผ่านพิธีกรรมขอพระแม่ธรณีเปิดปาก ขอฤกษ์ และประจุหัวใจครุฑเข้าไป ต่อมาไม้หายากขึ้น จึงสร้างจากไฟเบอร์กลาส ช่วยให้บูรณะได้ง่ายขึ้นเมื่อเกิดการชำรุด

Cr. Kanok Shokjaratkul

ลักษณะเท้ามี 2 แบบ แสดงถึงระดับอำนาจที่แตกต่างกัน

• ครุฑเท้าดุล (เท้าตั้ง) หมายถึง อำนาจของพระมหากษัตริย์โดยตรง ใช้ในพระราชสำนัก พระราชกิจจานุเบกษา และการทูต

• ครุฑเท้าเหยียด หมายถึง อำนาจที่องค์พระมหากษัตริย์พระราชทานให้แก่หน่วยงานราชการในกระทรวงต่างๆ

จำนวนเล็บของครุฑ สัญลักษณ์แห่งฐานะและบารมี ถ้ามี 5 เล็บ:จักรพรรดิ์, 4 เล็บ:ผู้ปกครอง/ รัฐมนตรี, 3 เล็บ:คหบดี

Cr. Kanok Shokjaratkul

เมื่อองค์ครุฑผ่านพิธีพุทธาภิเษก ดวงตาของครุฑจะถูกปกปิดด้วยผ้าขาว มีความเชื่อว่า ดวงตาของครุฑเปรียบดั่งสายฟ้า หากมองสิ่งใดจะเกิดความมอดไหม้ อีกนัยยะหนึ่งคือ หากบุคคลใดมองครุฑและคิดไม่ซื่อกับแผ่นดิน ไฟจะเผาใจ นอกจากนี้ การปิดตายังช่วยป้องกันความเสียหาย (รอยขีดข่วน) ที่ดวงตาในระหว่างการเคลื่อนย้ายงานปฏิมากรรมอีกด้วย

  • ทำไมจึงต้องสักการะบูชาครุฑ?

พิพิธภัณฑ์ครุฑโดยธนาคารทหารไทยธนชาตไม่ได้ต้องการให้บุคคลเชื่อโดยไม่มีเหตุผล แต่ต้องการให้ศรัทธาด้วยความตระหนักในคุณธรรม มนุษย์มีความประเสริฐอยู่ที่จิตใจ

องค์ครุฑเป็นเทวดาที่ทรงคุณธรรม มีหิริโอตตัปปะ (ความเกรงกลัวละอายต่อบาป) ในคติรามเกียรติมีความซื่อสัตย์และกตัญญู การสักการะควรมาจากความตระหนักในคุณธรรม มิใช่เพื่อลาภ ยศ หรือความสุขทางโลก

Cr. Kanok Shokjaratkul

หากเราศรัทธาองค์ครุฑอย่างถูกต้อง ย่อมนำไปสู่การคิดที่ถูกต้อง การกระทำที่ถูกต้อง และความตั้งใจที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดผลที่ดีตามมา

ในทางพระพุทธศาสนา มีพญาครุฑผู้ยิ่งใหญ่ คือ ท้าวพุโหนะ หรือ ท้าวเวสสุวรรณ เป็นหนึ่งในท้าวมหาราชทั้งสี่ผู้ปกครองทิศเหนือ และเป็นใหญ่ในองค์ครุฑทั้งปวงในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เราสามารถกราบไหว้ท้าวพุโหนะได้อย่างสนิทใจ เพราะท่านเป็นผู้ที่บรรลุธรรมอย่างน้อยระดับพระโสดาบันขึ้นไป ซึ่งละสังโยชน์ได้บางส่วน

Cr. Kanok Shokjaratkul

  • องค์ครุฑสำคัญในพิพิธภัณฑ์

พิพิธภัณฑ์ครุฑได้รวบรวมองค์ครุฑจากสาขาต่าง ๆ ซึ่งแต่ละองค์มีความสำคัญและเรื่องราวเฉพาะ

มีความเชื่อว่า หากนำกระเป๋าสตางค์หรือโทรศัพท์ที่มีแอปพลิเคชันของธนาคารแล้วเปิดไว้ นำมาลอดผ่านองค์ครุฑ จะช่วยเสริมเรื่องเงินทองและความมั่งคั่ง เนื่องจากองค์ครุฑเหล่านี้เคยอยู่ในธนาคารและผ่านกระแสการเงินหลายร้อยล้าน

องค์ครุฑสาขาหาดใหญ่ Cr. Kanok Shokjaratkul

องค์ครุฑหาดใหญ่ เป็นองค์ที่มีผู้นำผ้าสามสีมาผูกไว้ ทางพิพิธภัณฑ์ต้องนำออกตลอด เนื่องจากมีผู้มาขอพรแล้วได้ตามที่ขอ (การขอพรองค์ครุฑนี้ เป็นเรื่องการงานและการเงิน มีกฎ 3 ข้อ 1)ขอพรเท่านั้น ไม่ใช่บนบานศาลกล่าว 2)ไม่ขัดต่อหลักศีลธรรมและคุณธรรม 3)ต้องเอามือป้องปากกระซิบขอพร และห้ามบอกพรที่ขอแก่ใคร)

องค์ครุฑเยาวราช : มาจากสาขาเยาวราช นอกจากกระแสเงินแล้ว ยังซึมซับกระแสทองคำจำนวนมหาศาลจากร้านทองในย่านนั้นด้วย มีลักษณะเจ้าเนื้ออ้วนท้วน ตามความเชื่อของชาวจีน หมายถึง อยู่ดีกินดี ไม่เหนื่อย ไม่ลำบาก มีเงินทองใช้มากมาย สวมหมวกจักรพรรดิ์

องค์ครุฑสาขาเยาวราช Cr. Kanok Shokjaratkul

องค์ครุฑธงนำทัพ มาจากจังหวัดตราด สื่อถึง ธงมหาเดช ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เชื่อกันว่า เป็นธงกอบกู้เอกราช ปัดเป่าภัยพิบัติ องค์ครุฑมีรัศมี 8 ชาย

องค์ครุฑที่เก่าแก่ที่สุด มาจากสาขาราชดำเนิน ได้รับพระราชทานเดือนมกราคม พ.ศ. 2484 ในสมัยรัชกาลที่ 8 ปัจจุบันมีอายุ 84 ปี แม้จะเกิดอุบัติเหตุ แต่ยังคงดูใหม่เนื่องจากการดูแลรักษา"

องค์ครุฑองค์แรกที่เก่าแก่ที่สุด สาขาราชดำเนิน Cr. Kanok Shokjaratkul

ปิดท้ายการชมด้วยการฝากคาถา หัวใจพญาครุฑ นั่นคือ ซื่อสัตย์ กตัญญู ความดี

ในเดือนสิงหาคม 2568 นี้ พิพิธภัณฑ์ครุฑ มีของที่ระลึก ยันต์หนุนดวงและโปสเตอร์หัวใจพญาครุฑ มอบให้แก่ผู้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นมงคลด้วย

  • ผ้ายันต์หัวใจพญาครุฑหนุนดวงพิชัย สงคราม

มาจากตำราพิชัยสงครามต้นยุครัตนโกสินทร์ และตำราพระราชพิธีนครฐ ที่ใช้ในการสร้างเมือง มีพุทธคุณปัดเป่าทุกข์ภัย เช่นตำนานที่ว่าเมื่อสร้างแล้วเกิดฝนตก 3 วัน 3 คืน ทำให้ข้าศึกถอยทัพไปโดยไม่ต้องรบ

มีลักษณะเป็นดวงมาตรฐานทางโหราศาสตร์ 8 รูปดวง โดยมีหัวใจพญาครุฑ (ซื่อสัตย์ กตัญญู ความดี) อยู่ด้านใน คุณธรรมจะหนุนดวงให้เจริญรุ่งเรือง สร้างจำนวนจำกัดเพียง 1,111 ผืน ผ่านพิธีอธิษฐานจิตที่พระราชวังจันทร จ.พิษณุโลก และพิธีที่สุโขทัย

เริ่มแจกตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป

  • โปสเตอร์หัวใจพญาครุฑ

เป็นของที่ระลึกสำหรับผู้เยี่ยมชมทั่วไปที่ตอบแบบสอบถาม สร้างจำนวนจำกัดไม่ถึง 1,000 ฉบับ และผ่านพิธีเช่นกัน

……………………….

พิพิธภัณฑ์ครุฑ โดยธนาคารทหารไทยธนชาต เปิดทุกวันศุกร์และเสาร์ วันละ 3 รอบ เวลา 10.00 / 13.00 / 15.00 น. พร้อมผู้นำชม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ผู้เข้าชมต้องจองคิวเข้าชมผ่านทางออนไลน์ ผ่าน QR code หรือที่ www.ttbfoundation.org/th/garudamuseum เพื่อระบุรอบในการเข้าชมล่วงหน้า (จำกัดผู้เข้าร่วมชมรอบละ 25 ท่าน)

และสามารถแจ้งความประสงค์เพื่อใช้บริการรถตู้ โดยจะมีบริการรรับ-ส่งผู้มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ครุฑจากสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส สถานีเคหะสมุทรปราการ ถึง พิพิธภัณฑ์ครุฑ ทุกวันศุกร์ และ วันเสาร์ วันละ 3 รอบ

Cr. Kanok Shokjaratkul

เข้าชม Garuda Virtual Tour ได้ที่ www.ttbfoundation.org/th/garudamuseum/

สถานที่ตั้ง อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู ซอย 9A จังหวัดสมุทรปราการ (ใกล้บางปู กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต) โทร. 098 882 3900 วันอังคาร ถึง วันเสาร์ เวลา 9.00 – 16.00 น.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

'ยุน ซ็อกยอล' โดนฟ้องเพิ่มหลายข้อหา จากการประกาศกฎอัยการศึก

21 นาทีที่แล้ว

ไมโครซอฟท์ หยุดใช้ วิศวกรจีน ให้มั่นใจ คลาวด์กลาโหมสหรัฐไม่หลุด

31 นาทีที่แล้ว

‘ทักษิณ’ ยัน เจรจาภาษีสหรัฐออกมาดี ยัน ไร้เรื่องความมั่นคง-ฐานทัพเรือ

50 นาทีที่แล้ว

'ทักษิณ' แปลกใจ ไม่ตบรางวัลหมอรักษาคนหาย หลังแพทย์ใหญ่ร่ำไห้กลางศาล

55 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

กิน 80 ออกกำลังกาย 20 ทริคสร้างเอวสับง่ายๆ ไม่หนัก ไม่เหนื่อยเกินไป

SistaCafe

โลกมันโหดก็แค่หัดมีความสุขไอสัตว์! ปรัชญาปลากระเบนวิถี ‘Srirajah Rockers’

a day magazine
วิดีโอ

ยินดีที่ได้ทัก : เบื้องหลังเยือน "บางปะอิน"

Thai PBS

MOODY: พลาดหนึ่งครั้ง จดจำตลอดไป เมื่อเราผูก ‘Self-Esteem’ ไว้กับ ‘ความสำเร็จ’ เพียงอย่างเดียว จนมองไม่เห็นคุณค่าแท้จริงของตัวเอง

BrandThink

ตามไปดู “เซเว่น อีเลฟเว่น” เปิดร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งแรก ที่ไหน ขายเมนูอะไรบ้าง

ฐานเศรษฐกิจ

“วัดไตรมิตร” งามวิจิตร “พระพุทธรูปทองคำ” ใหญ่ที่สุดในโลก...เมื่อทองแท้ไม่กลัวไฟ พระแท้ย่อมไม่กลัวคำครหาเท็จ

Manager Online

เนสท์เล่ ฟื้นฟูคลองขนมจีน 10 ปี จากน้ำเน่า สู่ต้นแบบ OECMs ระบบนิเวศระดับชาติ

กรุงเทพธุรกิจ

KARINA วง aespa อยากลองทำงานทุกอย่างที่ทำได้ในวงการ ทั้งการแสดงและเป็นพิธีกร

THE STANDARD

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...