วิธีประหยัดแบบนักช้อปตัวแม่ สายแฟชั่น สายบิวตี้ สายกินของแซ่บ ใช้เงินอย่างไรไม่ให้เกินตัว
ในภาวะเศรษฐกิจที่นอกจากทุกอย่างรอบตัวมีราคาแพงขึ้นแล้ว การประหยัดก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้กัน สำหรับนักช้อปปิ้งตัวแม่ที่ขยันเปย์กับหลายสิ่งรอบตัวอาจจะเป็นเรื่องที่ตัดใจได้ยาก แต่ก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอด จะต้องทำอย่างไรบ้าง เรามีวิธีมาแนะนำดังนี้
หยุดช้อปปิ้งเสื้อผ้าตามกระแส
เทรนด์แฟชั่นที่อัปเดตอย่างต่อเนื่องแทบทุกเดือน ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์สีใหม่ สไตล์ใหม่ แบรนด์ใหม่ นักช้อปปิ้งสายแฟชั่นที่ชอบตามกระแสอยู่ตลอดเวลาก็มักจะรู้สึกว่าถ้าตกเทรนด์นี้ไปแล้วจะคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง กว่าจะรู้ตัวอีกทีบัตรเครดิตเต็มวงเงินไปแล้ว เราอยากให้ลองคิดใหม่ทำใหม่ด้วยการ
1. ตั้งสติก่อนช้อปเสื้อผ้า
คิดเยอะๆ หลายๆ รอบว่าเสื้อตัวนั้น กางเกงตัวโน้น กระเป๋า/รองเท้าสไตล์นี้ มันเหมาะกับเราจริงไหม สามารถใส่ได้กี่ครั้ง ใช้ในโอกาสไหนได้บ้าง
2. ไม่ต้องตามทุกกระแส
เพราะเทรนด์แฟชั่นบางอย่างอาจไม่เหมาะกับสไตล์ของเรา ให้ท่องไว้ว่า “ไม่เหมือนคนอื่นไม่ใช่เรื่องน่าอาย ไม่มีเงินกินข้าวเพราะเอาไปช้อปหมดน่าอายกว่า”
3. เลือกซื้อเสื้อผ้าที่ดีไซน์เรียบง่าย
เน้นที่คุณภาพเนื้อผ้าและการตัดเย็บเพื่อให้ใช้ได้หลายโอกาส เพราะดีไซน์และสีเรียบๆ เป็นสไตล์คลาสสิกที่สามารถนำมาปรับใช้ได้หลายโอกาส หากอยากให้ดูทันสมัยหรือมีกิมมิคมากขึ้นก็นำไป Mix & Match กับเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ ที่ดูแปลกใหม่ได้ง่าย ที่สำคัญคือไม่จำเป็นต้องใช้แบรนด์เสื้อผ้าราคาแพงเสมอไป เพราะมีเสื้อผ้าหลายแบรนด์ที่ราคาจับต้องได้และมีคุณภาพดีให้เลือกใช้
4. กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับแบรนด์ลักชัวรีให้พักก่อน
เพราะนอกจากราคาสูงมากแล้ว บางดีไซน์ก็อาจจะใช้ได้ไม่กี่ครั้ง ไม่ตอบโจทย์กับชีวิตประจำวัน หรือดูแลรักษายาก เพราะถ้าดูแลไม่ดีก็อาจทำให้ของเสียหายได้
แต่ถ้าหากจะซื้อไว้เพื่อการลงทุน ก็ควรพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อว่ารุ่นที่มองไว้เหมาะกับการลงทุนระยะยาวหรือไม่ หรือควรตัดใจแล้วนำเงินไปลงทุนกับรุ่นอื่นหรือการลงทุนรูปแบบอื่นที่ได้ผลตอบแทนยั่งยืนกว่า
5. ช้อปปิ้งมือสองคือทางออกของสายแฟ
ความจริงแล้วแฟชั่นมักจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปมาอยู่เรื่อยๆ เทรนด์ที่เคยฮิตเมื่อ 20-30 ปีก่อนก็กลับมาให้เห็นบ่อย ถ้าอยากตามเทรนด์แต่ก็ประหยัดด้วย การเลือกช้อปปิ้งเสื้อผ้ามือสองก็น่าสนใจ เพราะนอกจากราคาไม่แพงแล้วส่วนใหญ่มักจะเป็น Rare Item ที่ไม่ซ้ำใคร หรือมีโอกาสซ้ำได้น้อยมาก แต่ก็อย่าลืมว่าถึงแม้จะราคาไม่แพง การซื้อเยอะเกินไปแล้วไม่ได้ใส่ก็สิ้นเปลืองอยู่ดี จึงต้องใช้สติในการช้อปปิ้งของมือสองด้วยเช่นกัน
เครื่องสำอาง สกินแคร์ เบาได้เบา
นอกจากเสื้อผ้าสินค้าแฟชั่นทั้งหลายแล้ว นักช้อปตัวแม่จำนวนไม่น้อยก็มักจะละลายทรัพย์ไปกับเครื่องสำอาง สกินแคร์ต่างๆ เพื่อใช้ในการดูแลตัวเอง ที่บางครั้งก็โดนป้ายยาง่ายจนไม่รู้ตัว
1. ใช้ที่มีอยู่ให้หมดก่อนค่อยซื้อใหม่
เพราะหลายคนมักจะซื้อเครื่องสำอางหรือสกินแคร์ชนิดเดียวกันไว้หลายชิ้นจนใช้ไม่ทันและหมดอายุ โดยเฉพาะลิปสติก รองพื้น คุชชั่น บลัชออน แป้ง ครีมกันแดด มอยซ์เจอไรเซอร์ ฯลฯ เพราะมีออกรุ่นใหม่ สีใหม่ เนื้อสัมผัสแบบใหม่มาเรื่อยๆ ใครที่ชอบลองก็มักตกเป็นเหยื่อการตลาดได้ง่าย
ดังนั้นก่อนหยิบและจ่ายเงิน คิดทบทวนหลายๆ รอบว่าเรามีสิ่งนี้แล้วหรือยัง ของเดิมใกล้หมดหรือเปล่า ทำไมถึงซื้อของใหม่ คิดวนไปหลายๆ รอบแบบไม่เข้าตัวเองให้มากที่สุด เพื่อให้ตัดใจได้
2. ลดการไถฟีดช้อปปิ้งออนไลน์
โดยเฉพาะแอปที่ป้ายยาให้จิตอ่อนได้ง่ายอย่าง TikTok, Instagram หรือ YouTube ที่มักจะมีอินฟลูเอนเซอร์หรือคนมารีวิวสินค้าต่างๆ กระตุ้นความสนใจให้เราอยากซื้อตามอยู่เรื่อยๆ เพราะยิ่งฟังยิ่งเพลิน จนรู้สึกว่าเราควรต้องมีสิ่งนั้น รู้ตัวอีกทีก็กดซื้อไปเรียบร้อยแล้ว
หากใครจิตแข็งฟังไว้เพื่อเก็บข้อมูลประกอบการตัดสินใจ หรือใส่ลงรถเข็นไว้ก่อนแต่ยังไม่กดซื้อทันที ขอเก็บไปคิดนานๆ โดยไม่ต้องสนใจโปรโมชั่นหรือคูปองลดราคามาให้หวั่นไหวให้อยากรีบซื้อ ก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดี ขอเพียงแค่ไม่ใจอ่อนเสียก่อนก็พอ
3. เลือกซื้อแบรนด์ที่มีคุณภาพในราคาจับต้องได้
หลายคนมักคิดว่าเครื่องสำอางหรือสกินแคร์แบรนด์ต่างประเทศหรือเคาน์เตอร์แบรนด์ มักจะมีคุณภาพสูงกว่าแบรนด์ทั่วไปที่หาซื้อง่าย ซึ่งเป็นความจริงส่วนหนึ่งเพราะหลายแบรนด์ก็ทุ่มทุนในการวิจัยและพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพสูง แต่บางครั้งเหตุผลที่ราคาแพงก็อาจมาจากเรื่องการตลาดต่างๆ ด้วย
ปัจจุบันมีทั้งเครื่องสำอางและสกินแคร์ที่คุณภาพดีในราคาจับต้องได้ออกมาให้เลือกมากมาย ซึ่งแบรนด์ไทยหลายแบรนด์สามารถทำได้ดีเกินราคา เพราะพัฒนาออกมาให้ตอบโจทย์สภาพอากาศและสภาพผิวของคนไทยได้เป็นอย่างดี แถมราคายังไม่เกินเอื้อมอีกด้วย
4. ทำหัตถการเท่าที่จำเป็น
นอกจากเครื่องสำอางและสกินแคร์แล้ว การเข้าคลินิกเสริมความงามเพื่อทำหัตถการต่างๆ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ดูดเงินได้มากเช่นกัน ดังนั้นจึงควรเลือกทำเพื่อแก้ปัญหาที่เรามีแบบเท่าที่จำเป็น และไม่ควรทำบ่อยจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบด้านลบมากกว่าด้านดี เช่น
- ฉีดโบทูลินั่มท็อกซินเฉพาะบริเวณที่มีปัญหาในเวลา 3-4 เดือน / ครั้ง เพราะฉีดถี่เกินไปทำให้เสี่ยงต่อการมีภาวะดื้อโบ
- เติมฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขจุดที่มีปัญหาในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะถ้ามากเกินไปจะทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติและไม่สวยงาม
- ใช้เครื่องเลเซอร์ยกกระชับที่มีคุณภาพสูงเพียงแค่ปีละครั้ง หรือ 3-4 เดือน / ครั้ง ตามงบประมาณที่ไหว หากทำถี่เกินไปอาจกระทบต่อคอลลาเจนภายในชั้นผิวให้เสื่อมลงกว่าเดิมได้
เลือกตามรอยร้านดังเท่าที่จำเป็น
สำหรับนักช้อปที่มาสายเปย์ด้านการกินตามรอยอินฟลูเอนเซอร์หรือคนรู้จักแทบทุกร้าน เรียกได้ว่าร้านไหนเป็นกระแสในโซเชียลหรือเป็นร้านเปิดใหม่ต้องไปลองให้ถึงที่ แต่ไปลองทุกร้านก็เปลืองเงินได้เช่นกัน
1. ก่อนไปกินตามรอยคนดัง ควรเช็กรีวิวจากหลายๆ แหล่งที่น่าเชื่อถือ
เพราะบางร้านอาจไม่ตรงปกอย่างที่คิด เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจว่าควรค่าแก่การไปลองหรือไม่
2. เลือกร้านที่ถูกใจจริงๆ ไม่จำเป็นต้องตามกระแส
ร้านอาหารหรือคาเฟ่บางแห่งที่โด่งดังในโซเชียลจนทำให้คนที่ชอบตามเทรนด์อยากไปตามรอยบ้าง แต่ความจริงแล้วสไตล์อาหารของร้านนั้นอาจจะไม่ได้ถูกจริตความชอบของเราก็ได้ ดังนั้นการตามทุกกระแสจึงไม่ใช่เรื่องจำเป็นอีกต่อไป เลือกเฉพาะที่เราถูกใจแล้วไปลองจะตอบโจทย์ความฟินให้ถูกใจนักกินได้มากกว่า
ทั้งหมดนี้คือไอเดียวิธีประหยัดที่เหล่านักช้อปปิ้งควรจดจำและนำไปใช้เพื่อปรับตัวให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ต่างๆ ที่ไม่แน่นอน ที่สำคัญคือควรยึดคติ "ตั้งสติก่อนซื้อ" อย่าหวั่นไหวไปกับคำโฆษณาและการป้ายยาต่างๆ ได้ง่าย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : วิธีประหยัดแบบนักช้อปตัวแม่ สายแฟชั่น สายบิวตี้ สายกินของแซ่บ ใช้เงินอย่างไรไม่ให้เกินตัว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- หมดยุคอวดรวย เทรนด์ประหยัดกำลังมา 4 นิสัยการใช้จ่ายของ Gen Z จะช็อปทั้งที ราคาต้องถูกและโอนจ่ายได้
- วิธีประหยัดแบบนักช้อปตัวแม่ สายแฟชั่น สายบิวตี้ สายกินของแซ่บ ใช้เงินอย่างไรไม่ให้เกินตัว
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath