KTC ปรับเกมรุกตลาดบน ติดสปีดดันยอดใช้จ่ายบัตรฯทั้งปีโต 10%
นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า ในปีนี้เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับพายุที่สมบูรณ์แบบจากแรงกดดันทั้งภายในและนอกประเทศ การท่องเที่ยวชะลอตัว ความเสี่ยงกำแพงภาษีสหรัฐและปัญหาหนี้ครัวเรือนยังอยู่ระดับสูง ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยถูกปรับลดลงเหลือเพียง 1.6%-2.3%
ขณะที่ ครึ่งปีแรก 2568 ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีเติบโต 4.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ถือว่าน่าพอใจในภาวะปัจจุบันแต่สามารถเติบโตได้ดีกว่าตลาดที่เติบโตเพียง 1.2% ภายใต้ฐานลูกค้าปัจจุบันที่ระดับ 2.8 ล้านบัตร โดยพบว่ากลุ่มลูกค้าระดับบน (พรีเมี่ยม) มียอดการใช้จ่ายบัตรฯ โตระดับ 10% ขึ้นไป
โดยกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยมเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูง และเป็นกำลังซื้อสำคัญของตลาดในช่วงครึ่งหลังปีนี้ที่ยังผชิญความท้าทาย คาดหวังจะช่วยผลักดันยอดการใช้จ่ายบัตรฯ ภาพรวมโดยยังคงเป้าหมายทั้งปีนี้เติบโต 10%
“ครึ่งปีหลังเราต้องออกแรงให้มาก และให้ถูกจุด คือกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยม 2-3 ปีมานี้ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องและครึ่งแรกปีนี้ยังเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ขณะที่เคทีซีเป็นผู้ให้บริการเพย์เมนท์ ดังนั้น การมีพันธมิตรลักซ์ชัวรี่ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้รู้ถึงพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ และสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์-บริการที่ตอบโจทย์ได้ตรง”
สำหรับ กลุ่มลูกค้าทั่วไปช่วงครึ่งปีแรกยอดการใช้จ่ายบัตรฯ เติบโตราว 2-3% ยังไม่ได้ “ติดลบ” เหมือนในตลาด ซึ่งเคทีซียังไม่ได้ทิ้งเลย แต่โดยหลักๆ แล้วการใช้จ่ายกลุ่มนี้จะเติบโตในหมวด ประกัน ,น้ำมัน หรือสินค้าหมวดที่จำเป็น เช่น ร้านอาหาร ยังมีแคมเปญออกมารองรับความต้องการใช้จ่ายต่อเนื่อง
ด้านคุณภาพหนี้ ปัจจุบันยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ระดับ 1.1-1.2% เป็นผลจากการระมัดระวังมาตั้งแต่เริ่มต้นพิจารณาบัตรใหม่ พร้อมกับขานรับมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ล่าสุดโครงการคุณสู้ เราช่วยเฟส 2 ที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา
รวมถึง ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยภาคเหนือและความไม่สงบ ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยปรับลดอัตราชำระขั้นต่ำเหลือ 3% จากปัจจุบันที่ 8% และขยายเวลาการใช้วงเงินฉุกเฉินจาก 30 วันเพิ่มเป็น 180 วัน ซึ่งตอนนี้ยังมีลูกค้าเคทีซีได้รับผลกระทบไม่มาก และมองว่าความเสี่ยงดังกล่าวยังจำกัดในบางจังหวัดเท่านั้น
อย่างไรก็ดี นางประณยา กล่าวว่า สำหรับ กลยุทธ์ขยายกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยม เราเห็นการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ระมัดระวังมากขึ้น แต่ยังคงเลือกสิ่งที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และความต้องการเฉพาะตัวอย่างแท้จริง อย่าง การลงทุน การใช้ชีวิตประจำวัน และครอบครัวการใช้จ่ายในกลุ่มสินค้าและบริการระดับลักซ์ชัวรี่ คาดเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 9.8% ในช่วงปี 2568-2675 การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากความมั่งคั่งที่เพิ่มจากราคาสินทรัพย์ และกำลังซื้อที่แข็งแกร่งของกลุ่มผู้มีฐานะทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
กลุ่มลูกค้าพรีเมียมในปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเดิมที่จะเป็นกลุ่มเบบี้บูมมาเป็น Gen Y Gen Z ซึ่งพฤติกรรมเปลี่ยนไปด้วย ดังนั้น การที่เราได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เข้ามา ต้องร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อให้รู้ถึงพฤติกรรมและนำเสนอผลิตภัณฑ์-บริการที่ตอบโจทย์ได้ตรงและเติบโตไปพร้อมๆ กัน ล่าสุด เคทีซี จับมือพันธมิตร “สยามพิวรรธน์-เฟอร์รารี่-ยูบิลลี่” พร้อมออกแบบกลยุทธ์ในการดูแลลูกค้ากลุ่มนี้ผ่าน 3 แนวทางหลัก ที่เน้นการสร้างคุณค่าเฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ธนาคารกรุงไทย (KTB) เป็นหนึ่งในที่มาของลูกค้ากลุ่มพรีเมียมของเคทีซี ดังนั้น ระยะต่อไปจะมีกิจกรรม หรือแคมเปญต่างๆ ร่วมกันมากขึ้น โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนลูกค้ากลุ่มพรีเมียมจาก KTB อีกราว 20,000-30,000 รายในปีนี้ จากปัจจุบัน 40,000 ราย
ปัจจุบัน สมาชิกเคทีซี2.8 ล้านบัตร เป็นกลุ่มรายได้ 50,000 บาทต่อเดือนขึ้นไปคิดเป็นสัดส่วน 20%ของพอร์ตสร้างยอดใช้จ่ายรวมสัดส่วน 40% ของยอดใช้จ่ายทั้งหมดขณะที่กลุ่มรายได้มากกว่า 100,000 บาทต่อเดือน คิดเป็นสัดส่วน 7-8% ของพอร์ต สร้างยอดใช้จ่ายสัดส่วน 20% ของยอดใช้จ่ายทั้งหมดโดยหมวดการใช้จ่ายหลักของกลุ่มนี้ ได้แก่ ประกันภัย ท่องเที่ยว ดูแลสุขภาพ รวมถึงการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ร้านอาหารและน้ำมัน
“เป้าหมายสำคัญของการทำธุรกิจลักซ์ชัวรี่ในยุคใหม่ จึงมุ่งเน้นการเป็นพาร์ตเนอร์ระยะยาวกับแบรนด์พรีเมียม ใช้ข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไหม่ในการออกแบบข้อเสนอที่ตรงใจ และร่วมกันสร้างแคมเปญที่มีความหมายมากกว่าการลดราคา เพราะสุดท้ายลูกค้าจะจดจำไม่ใช่แค่สิ่งที่เราให้ แต่จดจำว่าเราทำให้ชีวิตเขาง่ายขึ้นและมีคุณค่ามากขึ้นเพียงใด”