นักประวัติศาสตร์ ยกเหตุผลไทยบอกเลิก MOU43 ได้โดยฝ่ายเดียว ตามสนธิสัญญาเวียนนา
27ส.ค.2568 -นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
สิ่งที่ควรรู้ เกี่ยวกับ MOU43
อนุสัญญา,สนธิสัญญาคือหลักฐานชั้นต้น
รายงานการประชุมจากกรรมการปักปัน คือหลักฐานชั้นรอง
บันทึกวาจา แผนที่กำกับหลักเขตและแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 คือหลักฐานชัั้นสาม
เรียนประวัติศาสตร์มาต้องจัดชั้นหลักฐานให้เป็นจึงจะเข้าใจนะครับว่า จะใช้อ้างอิงได้อย่างไร
ดังนั้นข้อบทในอนุสัญญาและสนธิสัญญาจึงสำคัญกว่ารายงานการประชุมของกรรมการปักปัน บันทึกวาจาแผนที่กำกับหลักเขต และแผนที่มาตราส่วน 1:200,000
ในแต่ละชั้นของหลักฐานต้องถูกตรวจสอบตามวิธีทางประวัติศาสตร์ สังเคราะห์ วิเคราะห์ เข้าใจ เวลา สถานที่บริบทสังคม วัฒนธรรม ศาสนาและการเมือง รวมถึงกฎหมายที่ใช้เป็นพื้นฐาน
อนึ่ง อนุสัญญา,สนธิสัญญาใดๆแม้เป็นหลักฐานชั้นต้นก็มีอายุเวลาคือการก่อกำเนิด การนำไปใช้เป็นผลและการสิ้นสุดลงตามยุคสมัย
ถ้าเข้าใจเรื่องนี้การเรียนประวัติศาสตร์มาก็สัมฤทธิพลใช้ประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อยและสามารถโต้แย้งได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล
ดังนั้นการยกเลิก MOU43 ก็ทำได้และบอกเลิกได้โดยฝ่ายเดียวตามสนธิสัญญาเวียนนา พ.ศ.2512 ที่ว่ารัฐภาคีคู่สัญญาละเมิดข้อตกลงตามข้อบทที่ห้าของ MOU43 กว่า 600 ครั้งจนก่อให้เกิดความขัดแย้งกลายเป็นชนวนเหตุแห่งสงคราม 5 วัน