ธ.ก.ส. พลิกบทบาท ยกระดับระบบนิเวศเกษตรไทยสู่ความยั่งยืน
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดงานสัมมนา “BAAC EXCLUSIVE DINNER TALK 2025 AGRI REFORM : ปรับวิธีคิด พลิก ECOSYSTEM ให้เติบโต” เมื่อวันที่ 1 ก.ย.568 โดยมี นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองประธานกรรมการ ธ.ก.ส. เป็นประธานเปิดงาน
นายประยูร กล่าวว่า ปัจจุบันเกษตรกรไทยยังต้องการพึ่งพาความช่วยเหลือจากภาครัฐ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินโครงการต่างๆ ผ่าน ธ.ก.ส. เพื่อดูแลเกษตรกร อาทิ โครงการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว โครงการไร่ละพัน การช่วยเหลือภาคประมง ส่งเสริมชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสด รวมถึงมาตรการชดเชยเยียวยาภัยพิบัติต่างๆ ซึ่งถือเป็นแนวทางความช่วยเหลือที่สร้างภาระงบประมาณของภาครัฐและไม่ใช่วิธีที่ยั่งยืนนัก
ขณะที่ในระยะข้างหน้าเกษตรกรยังต้องเผชิญกับความท้าทายอีกหลายมิติทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกที่รุนแรงและซับซ้อน อาทิ ปัญหาการประมงผิดกฎหมาย (IUU) การทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ลดภาษีสินค้านำเข้าเป็น 0% ทำให้สินค้าเกษตรบางรายการจากต่างประเทศที่ต้นทุนต่ำกว่าเข้ามาแย่งตลาดในไทย
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงกติกาการค้าโลกอีกหลายเรื่องยังมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษีคาร์บอนข้ามพรมแดน (CBAM) ภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐ รวมถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศ
นายประยูร กล่าวว่า การแก้ปัญหาเหล่านี้ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และแนวทางใหม่ๆ จึงเป็นโอกาสอันดีที่ ธ.ก.ส. จะเข้ามาร่วมส่งเสริมให้เกษตรกรก้าวสู่ความยั่งยืน โดยเฉพาะการยกระดับศักยภาพของเกษตรกรรายย่อยให้เป็นผู้ประกอบการธุรกิจ
โดยหวังว่าแนวคิดและโครงการเหล่านี้จะได้รับการสานต่อ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่เกษตรกรไทย พร้อมกันนี้ หวังให้ทุกภาคส่วน ร่วมกันส่งเสริมพี่น้องเกษตรกรจำนวนกว่า 30 ล้านคน ทั่วประเทศให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้สินเชื่อ แต่เป็นเพื่อนร่วมทางของเกษตรกรไทย และตระหนักถึงความท้าทายในปัจจุบัน ทั้งการแข่งขันทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และโครงสร้างประชากรสูงวัย ดังนั้น ธ.ก.ส. จึงมุ่งมั่นที่จะเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับระบบนิเวศการเกษตร ภายใต้แนวคิด “Essence of Agriculture” ซึ่งประกอบด้วย 4 แกนสำคัญ ได้แก่
1.Funding การสนับสนุนเงินทุนเพื่อภาคการเกษตร
2.Technology การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและการเกษตรแบบใหม่
3.Knowledge & Marketing การพัฒนาตลาดและองค์ความรู้
4.Value Added การยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่า
นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้รับรางวัลมากมายทั้งในและต่างประเทศ อาทิ รางวัลคุณภาพแห่งชาติ (TQA) และรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น (SOE Award) ซึ่งสะท้อนถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
“ธ.ก.ส. มุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือ และสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของเกษตรกรไทยในระยะยาว เราพร้อมยืนหยัดเคียงข้างเกษตรกรไทยในทุกก้าวเดิน เพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนให้กับภาคเกษตรไทยต่อไป” นายฉัตรชัยกล่าวทิ้งท้าย
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการบรรยายพิเศษแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ นายกฤษณะ ธรรมวิมล ผู้ก่อตั้งบริษัท ไดสตาร์ เฟรช จำกัด บรรยายพิเศษในหัวข้อ “ปลดล็อกศักยภาพเกษตรกรไทย: พลิกโฉมสู่รายได้ที่ยั่งยืน“ ซึ่งได้กล่าวถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมภาคการเกษตรที่ยังมีช่องว่างอีกมากให้พัฒนา โดยได้นำเสนอกรณีตัวอย่างของการพัฒนาเทคโนโลยีเกษตรแนวตั้ง ที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาปัจจัยทางธรรมชาติและสารเคมี แต่สร้างผลผลิตได้มากกว่าด้วยต้นทุนที่ใกล้เคียงกัน
การบรรยายพิเศษหัวข้อ “ธ.ก.ส.แกนกลางเกษตร: กับระบบนิเวศการตลาด” โดย ผศ.ดร.ธีรพันธ์ โล่ห์ทองคำ ที่ปรึกษาและนักกลยุทธ์การตลาดและผู้เชี่ยวชาญด้านไอเอ็มซี กล่าวถึงการบูรณาการเครื่องมือการตลาด และการวางเป้าหมายของ ธ.ก.ส.ให้เป็นมากกว่าธนาคาร แต่เป็นพันธมิตรของเกษตรกรในด้านการตลาด ด้วยดีเอ็นเอที่แข็งแกร่งในเรื่ององค์ความรู้เรื่องการเกษตร
และสุดท้ายการบรรยายพิเศษในหัวข้อ ”ปรับวิธีคิด: ผู้นำต้องกล้าฝันและลงมือสร้าง“ โดย ศ.ดร.วรภัทร โตธนะเกษม กรรมการผู้จัดการ มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์กรภาครัฐ (IRDP) กล่าวถึงความกล้าคิด กล้าฝัน และการร่วมมือกันเพื่อร่วมผลักดันให้เกษตรกรไปถึงจุดหมายอย่างยั่งยืนและสามารถต่อยอดสู่การเป็นผู้ประกอบการ