กองทัพบกซัด ‘กัมพูชา’ ไร้ศักดิ์ศรี จงใจละเมิดอนุสัญญาออตตาวาซ้ำซาก
เมื่อวันที่ 10 ส.ค. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2568 กำลังพลของฝ่ายไทยได้ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดชนิด PMN-2 บริเวณรอยต่อโดนเอาว์–กฤษณา บนเส้นทางที่ฝ่ายไทยใช้ในการส่งกำลังบำรุงอยู่เป็นประจำ ซึ่งในอดีตหลายพื้นที่เคยมีการตรวจสอบความปลอดภัยจากหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม (นปท.) ของ กองบัญชาการกองทัพไทยไปแล้ว จึงเชื่อว่าฝ่ายกัมพูชาได้ลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดทางทิศเหนือของจุดประสานงานฐานฯ กฤษณา ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของภูมะเขือ และในหลายพื้นที่ตั้งแต่เกิดความตึงเครียดที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2568
สำหรับทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ดังกล่าว ได้ถูกฝ่ายไทยตรวจพบครั้งแรกในพื้นที่พลาญหินแปดก้อน ห่างจากบริเวณนี้ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 5 กม. จากนั้นได้เกิดเหตุการณ์ที่กำลังพลฝ่ายไทยเหยียบทุ่นระเบิดชนิดเดียวกันนี้ในพื้นที่ช่องบก ช่องอานม้า ปราสาทตาควาย และล่าสุดบริเวณโดนเอาว์–กฤษณา ตามลำดับ
พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์เหยียบกับระเบิดครั้งล่าสุด พบว่าในสื่อสังคมออนไลน์ปรากฏภาพทหารกัมพูชาถือพวงทุ่นระเบิด PMN-2 จำนวนมากอยู่บริเวณด้านหน้าปราสาทตาควาย รวมถึงเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2568 ฝ่ายไทยยังได้ตรวจพบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 เพิ่มเติมในพื้นที่ภูมะเขืออีกจำนวน 18 ทุ่น โดยเป็นสภาพพร้อมใช้งานจำนวน 2 ทุ่น และบรรจุอยู่ในกระสอบจำนวน 16 ทุ่น
"สิ่งที่เกิดขึ้นจากฝ่ายกัมพูชาดังกล่าวไม่แตกต่างจากการใช้อาวุธโจมตีต่อฝ่ายไทยโดยตรง และเป็นการแสดงออกถึงความไม่ซื่อตรงในการต่อสู้ในแบบสุภาพบุรุษชายชาติทหาร ถือเป็นการต่อสู้ด้วยวิธีที่ไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี และเป็นการตั้งใจละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างจงใจ" โฆษกกองทัพบก กล่าว
พล.ต.วินธัย กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชามักปฏิเสธสิ่งที่ได้กระทำ แม้มีหลักฐานข้อพิสูจน์ที่ประจักษ์ แต่ก็ไม่เคยยอมรับว่ามีการใช้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่มีเหตุการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย–กัมพูชา รวมถึงแม้แต่ในวงเจรจาก็ไม่ยอมให้มีข้อความหรือส่วนหนึ่งส่วนใดที่จะป้องกันปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในข้อตกลงร่วมกัน ท่าทีดังกล่าวอาจทำให้ผู้คนในสังคมทั้งในระดับประเทศและสังคมโลกเข้าใจได้ว่า กัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีอย่างแท้จริง สิ่งที่เป็นอยู่อาจเป็นเพียงการสร้างภาพลวงต่อสายตาชาวโลก.