เปิดประวัติ อนุทิน ชาญวีรกูล หนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ประเทศไทย คนต่อไป
แรงกระเพื่อมระลอกล่าสุดของไทยได้ส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งทำเนียบรัฐบาล เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6:3 สั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 จากกรณีอื้อฉาว "คลิปเสียงฮุนเซน" ที่ถูกมองว่ากระทบต่อเกียรติภูมิของตำแหน่งผู้นำประเทศ ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะต้องสิ้นสุดลงทันที
แน่นอนว่า สปอตไลท์ทุกดวงได้ฉายจับไปยังบุคคลที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น "ผู้กำหนดเกม" (Kingmaker) และบัดนี้อาจก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดด้วยตนเอง: นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ตอนนี้เป็นฝ่ายค้าน ณ ปัจจุบัน
แม้ตามธรรมเนียมปฏิบัติ พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำเดิมจะยังมีสิทธิ์เสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่เหลืออยู่คือ นายชัยเกษม นิติศิริ แต่สถานการณ์ที่ไม่คาดฝันได้เปิดประตูให้พรรคอันดับสามอย่างภูมิใจไทยกลายเป็นตัวแปรสำคัญ และชื่อของนายอนุทินก็ถูกจับตามองในฐานะ "ม้ามืด" และในความเป็นจริง "เสี่ยหนู" ก็พยายามเดิมเกมจัดตั้งรัฐบาลอยู่เช่นกัน
เส้นทางสู่ใจกลางอำนาจ: อนุทิน ชาญวีรกูล จากนักธุรกิจสู่ผู้มากบารมีทางการเมือง
อนุทิน ชาญวีรกูล หรือ "เสี่ยหนู" เกิดเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2509 ปัจจุบันอายุ 59 ปี เขาไม่ใช่คนหน้าใหม่ในสนามการเมือง เขาเติบโตมาในครอบครัวที่มีสายสัมพันธ์ทางการเมืองอย่างลึกซึ้ง โดยเป็นบุตรชายของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นมรดกที่ส่งต่อมาถึงเขาอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
ภูมิหลังของนายอนุทินเป็นการผสมผสานระหว่างโลกธุรกิจและวิชาการ เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮอฟสตรา สหรัฐอเมริกา ก่อนจะกลับมาสานต่อธุรกิจรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่ของครอบครัวอย่าง บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) จนเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม ความสนใจของเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่ในแวดวงธุรกิจ การศึกษาหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงจำนวนนับไม่ถ้วน ตั้งแต่สถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) ไปจนถึงวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างเครือข่ายและคอนเน็กชันที่ครอบคลุมทุกวงการ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ล้ำค่าในสนามการเมืองไทย
บทบาททางการเมือง: ผู้เล่นที่ปรับตัวตามเกมเสมอ
อนุทิน เข้าสู่การเมืองครั้งแรกในปี 2539 แต่บทบาทของเขาเริ่มเด่นชัดในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย โดยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการในกระทรวงสำคัญอย่างสาธารณสุขและพาณิชย์ ก่อนจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีหลังการยุบพรรคไทยรักไทยในปี 2550
การเว้นวรรคทางการเมืองไม่ได้ทำให้ชื่อของเขาเลือนหายไป เขากลับมาอย่างแข็งแกร่งในปี 2555 ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สานต่ออำนาจจากบิดา และได้แสดงให้เห็นถึงทักษะการเป็นนักเจรจาต่อรองที่เฉียบแหลม
ปี 2562: นำพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี โดยตัวเขาเองดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นช่วงที่ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากนโยบายกัญชาเสรี
ปี 2566: หลังการเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทยกลายเป็นตัวแปรสำคัญอีกครั้ง และนายอนุทินได้ตัดสินใจนำพรรคเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ภาพจำของการ "ดื่มมิ้นต์ช็อก" ร่วมกับแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการสลายขั้วและความพร้อมที่จะทำงานกับทุกฝ่ายเพื่อแลกกับการได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาล เขาได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นกระทรวงเกรดเอที่มีอำนาจคุมข้าราชการฝ่ายปกครองทั่วประเทศ
มิ.ย. ปี 2568: ในการเคลื่อนไหวที่สร้างความประหลาดใจ พรรคภูมิใจไทยได้ประกาศถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลในเดือนมิถุนายน และย้ายไปทำหน้าที่ฝ่ายค้าน การตัดสินใจครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการอ่านเกมล่วงหน้าถึงความไม่มั่นคงของรัฐบาล และเป็นการสร้างระยะห่างเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสใหม่
ทรัพย์สินและหนี้สิน (ข้อมูล ณ วันที่ 20 มี.ค. 2566 กรณีพ้นตำแหน่ง สส.)]
ทรัพย์สินรวม: 4,411.66 ล้านบาท (รวมคู่สมรส)
เงินฝาก: 1,184.95 ล้านบาท (39 บัญชี)
เงินลงทุน: 721.12 ล้านบาท (รวมถึงสัญญาจัดการหุ้นส่วนหรือหุ้นของรัฐมนตรีในบริษัท เอสทีพีแอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) มูลค่า 692.36 ล้านบาท)
ยานพาหนะ: 749.36 ล้านบาท ประกอบด้วย รถยนต์ 2 คัน (Rolls-Royce, Porsche), เรือยนต์ 2 ลำ (ชื่อนัยน์ภัค 3, เศรณี) และ เครื่องบิน 3 ลำ (Aircraft TBM 930SOCATA TMB 930, Embraer Legacy 600 ที่ซื้อในปี 2563 มูลค่า 534.73 ล้านบาท)
ทรัพย์สินอื่น ๆ: 210.04 ล้านบาท อาทิ พระเครื่อง 24 องค์ (91.95 ล้านบาท), นาฬิกา 24 เรือน (65.79 ล้านบาท), เครื่องเบญจรงค์ 11 ตู้ (33.4 ล้านบาท)
หนี้สินรวม: 15.11 ล้านบาท (รวมคู่สมรส)
รายได้รวมต่อปีโดยประมาณ: 2.29 ล้านบาท (เงินเดือน ส.ส. และเบี้ยประชุม)
รายจ่ายรวมต่อปีโดยประมาณ: 19.33 ล้านบาท (รวมรายจ่ายตามบันทึกข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่ากับภรรยาเดิม 3 แสนบาท)
โอกาสท่ามกลางวิกฤตของเสี่ยหนู
การสิ้นสุดลงของ รัฐบาลแพทองธารได้สร้างสภาวะที่เอื้อต่อการขึ้นสู่อำนาจของนายอนุทินอย่างน่าทึ่ง แม้ในขณะที่พรรคของเขาอยู่ในสถานะฝ่ายค้าน แต่ด้วยจำนวน สส. 71 เสียงในมือ พรรคภูมิใจไทยยังคงเป็นกลุ่มก้อนทางการเมืองที่พรรคอื่นต้องหันมาเจรจาด้วย
สถานการณ์ปัจจุบันทำให้พรรคเพื่อไทยอ่อนแอลงอย่างมาก และหากแคนดิเดตที่เหลืออยู่ไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนในสภาได้เพียงพอ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่สมการการเมืองจะถูกพลิกกลับ โดยอาจมีการเสนอชื่อนายอนุทินในฐานะ "นายกรัฐมนตรีคนกลาง" ที่สามารถประสานผลประโยชน์จากหลายขั้วอำนาจได้
เส้นทางสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทยสำหรับ อนุทิน ชาญวีรกูลนั้น ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เป็นบทพิสูจน์ถึงความอุตสาหะ การปรับตัว และความสามารถในการอ่านเกมการเมืองที่เฉียบคม ท่ามกลางความวุ่นวายและไม่แน่นอนของประชาธิปไตยไทย ชายผู้เคยเป็นเพียง "ผู้กำหนดเกม" กำลังจะได้รับโอกาสในการเขียนกฎของเกมด้วยตัวเอง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง