โบรกคาดผลตัดสิน"คดีคลิปเสียง" กระทบหุ้นจำกัด ปัจจัยลดดอกเบี้ย FED-กนง.บวกต่อตลาดมากกว่า
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์กรณีวันที่ 29สิงหาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินคดี "นายกแพทองธาร ชินวัตร" ว่าฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่ ซึ่งคดีนี้เกิดจากการคลิปเสียงสนทนากับนายฮุนเซนผู้นํากัมพูชาที่ถูกบันทึกไว้ ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีการใช้ถ้อยคําที่ดูเอื้อต่อฝั่งกัมพูชา และเป็นฝ่ายตรงข้ามกับกองทัพ
ในฐานะมืออาชีพทางด้านการลงทุนเลือกที่จะไม่ทํานายคําพิพากษาของศาล แต่เราได้ประเมินนัยยะต่อตลาดจาก 2 scenario หลักดังนี้
Scenario 1 ศาลตัดสินว่านายกมีความผิด
: จะเป็นลบในระยะสั้น ส่วนในระยะยาวจะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกนายกคนใหม่PM ในกรณีที่นายกแพทองธารถูกตัดสินว่าผิด และ ขาดคุณสมบัติในการดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรี เราคาดว่าตลาดน่าจะตอบรับเชิงลบในระยะสั้นมาก ๆ เพื่อสะท้อนถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการเลือกนายกของใหม่
อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าตลาดน่าจะย่อลงเพียงไม่นาน เพราะ scenarioนี้น่าจะทําให้พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นผู้นําพรรคร่วมรัฐบาลเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติศิริ ซึ่งอยู่ในรายชื่อ candidate นายกเดิมอยู่แล้ว ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ในภาพรวมแล้ว เรามองว่านโยบายด้านเศรษฐกิจ และ สังคมของนายชัยเกษมน่าจะคล้ายคลึงกับของนายกแพทองธาร และ รัฐบาลใหม่จะยังคงต้องจัดการกับปัญหาหลัก ๆ
อย่างเช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจใน 2H68 รวมทั้งประเด็นความขัดแย้งระหว่างกองทัพไทย และ กัมพูชา
Scenario 2 :ศาลตัดสินว่านายกไม่มีความผิด
: จะเป็นบวกในระยะสั้น แต่ยังคงเผชิญความท้าทายในระยะยาวในกรณีที่ศาลตัดสินว่านายกแพทองธารไม่มีความผิด และ สามารถกลับไปรับตําแหน่งเหมือนเดิมได้ ปฏิกิริยาในระยะสั้นของตลาดน่าจะเป็นไปในเชิงบวก เนื่องจากจะช่วยเคลียร์ประเด็นความไม่แน่นอนในระยะสั้นไป และรัฐบาลจะสามารถเดินหน้าทางการเมืองต่อไปได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังเชิงบวกอาจจะยังคงถูกจํากัดจากความท้าทายในระยะยาวทางด้านของเศรษฐกิจ และ สังคม โดยในช่วงหลายเดือนมานี้ นักลงทุนผิดหวังกับการที่รัฐบาลไม่สามารถผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ได้ ในขณะเดียวกันรัฐบาลชุดนี้ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการจัดการกับกัมพูชาด้วย
สําหรับทั้ง 2 scenarios เรามองว่า SET มี downside จํากัดเพราะได้แรงหนุนจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินในระยะต่อไป ในขณะที่ตลาดรับรู้ไปมากแล้วว่า GDP จะชะลอตัวเรามองว่าคําพิพากษาของศาลในวันที่ 29 สิงหาคมเป็นเหตุการณ์สําคัญที่ต้องติดตาม
โดยคําพิพากษาตาม scenario ทั้งสองอาจจะไม่ได้ทําให้ตลาดมี downside อย่างมีนัยสําคัญ โดยในประการแรก นักเศรษฐศาสตร์ของเราคาดว่าทั้ง Fed ของสหรัฐ และ กนง. ของไทยจะผ่อนคลายนโยบายการเงินลงอีกในช่วงที่เหลือของปี 2568 ซึ่งน่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการชะลอตัวตามวัฏจักรที่เกิดจากภาษีการค้าได้บ้าง
ประการที่สอง ตลาดรับรู้โมเมนตัมอัตราการขยายตัวของ GDPไทยที่ชะลอตัวลงใน 2H68ไปมากแล้ว โดยทั้งนักเศรษฐศาสตร์ของเรา และ consensus คาดว่า GDP ใน 2H68 จะขยายตัวประมาณ 1.0% YoYจากที่ขยายตัว 3.0% YoY ใน1H68
ทั้งนี้ ไม่ว่าสถานการณ์การเมืองจะออกมาเป็นอย่างไร "ธีมการลงทุนหลักของเรายังคงเน้นหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ย " โดยเราชอบหุ้นบางตัวในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์, finance และ สาธารณูปโภค อย่างเช่น AP*, ORI*, SAWAD* และBGRIM*