โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

6ก.ย.ทูลเกล้าฯอนุทิน 311สส.เลือกเป็น‘นายกฯ’ เพื่อไทยกัดฟันนั่งฝ่ายค้าน

ไทยโพสต์

อัพเดต 6 กันยายน 2568 เวลา 5.41 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ท่วมท้น! มติสภา 311 เสียง เห็นชอบ "อนุทิน ชาญวีรกูล" เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 "ชัยเกษม" แคนดิเดตเพื่อไทยได้ 152 คะแนน งดออกเสียง 27 คะแนน หลังสภาเดือดตั้งแต่เริ่ม "สส.ภูมิใจไทย" ขอเลื่อนโหวตนายกฯ เป็นวาระแรกถึงขั้นต้องลงคะแนน "เพื่อไทย" ดาหน้าถล่มคุณสมบัติ "หัวหน้า ภท." หวั่นแทรกแซงคดีเขากระโดง-ฮั้ว สว. เปิดเสียงหนุนนายกฯ หนู "ภท.-กธ.-ปชน." ไม่แตกแถว "8 งูเห่า พท." มาตามนัด บวกเสียง "เฉลิม" พ่วง "4 สส.ประชาธิปัตย์" แหกสวนมติพรรค "อนุทิน" โร่แจง "ปชน." ยึด 146 เสียงเท่านั้น ก่อนออกจากสภาไปก้มกราบพ่อที่รพ. "พท." ประกาศผ่านเพจพร้อมเป็นฝ่ายค้าน

ที่รัฐสภา วันที่ 5 กันยายน 2568 เวลา 09.00 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ครั้งที่ 20 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง เป็นพิเศษ ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในการประชุม มีวาระที่ต้องจับตาคือการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 โดยวาระแรกของการประชุม เป็นการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ พ.ศ….. ซึ่งที่ประชุมมีมติรับหลักการ

ทั้งนี้ เวลา 09.40 น. น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ลุกขึ้นเสนอญัตติขอให้นำเรื่องพิจารณาเห็นชอบบุคคลที่สมควรจะได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นมาพิจารณาก่อน อย่างไรก็ตาม สส.จากพรรคเพื่อไทย (พท.) อาทิ นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ ต่างเห็นแย้ง โดยบอกว่าระเบียบวาระได้ตกลงกันตั้งแต่สัปดาห์ก่อน วาระที่เหลือค้างมีแต่วาระสำคัญ ระเบียบวาระเลือกนายกฯ เป็นระเบียบที่สำคัญมาก จึงต้องมีเวลาให้ สส.ตัดสินใจ รวมทั้งร้องขอให้มีการเปิดอภิปรายก่อนลงมติ

จากนั้น นายวันมูหะมัดนอร์จึงเปิดให้มีการอภิปราย โดยมี สส.ลงชื่ออภิปราย 9 คน กรณีว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อนญัตติการโหวตนายกฯ แต่ยังคงมีสมาชิกทั้งสองฝ่ายถกเถียงกันต่ออีกระยะ เนื่องจากฝ่ายพรรค ภท.เห็นว่าจำนวนสมาชิกที่ขออภิปรายมีจำนวนมากเกินไป เพราะก่อนหน้าที่จะมีข้อสรุปว่าจะเลื่อนระเบียบวาระหรือไม่ มีสมาชิกอภิปรายนอกระเบียบวาระไปแล้วหลายคน จึงขอให้ประธานกำหนดเวลาและจำนวนคน

สุดท้าย นายวันมูหะมัดนอร์วินิจฉัยว่า มีฝ่ายที่เห็นควรให้เลื่อนและไม่เห็นควรให้เลื่อนอย่างละ 5 ท่านพอดี จึงขอให้ใช้เวลาท่านละ 5 นาที โดยอภิปรายสลับกันไป ขอให้ไม่ซ้ำประเด็น อย่ามีการเสียดสี เพื่อให้ไม่เกิดการประท้วงและจะได้ไม่เสียเวลา แล้วจึงได้เปิดโอกาสให้สมาชิกได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวาง

เวลา 10.17 น. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า เห็นว่าควรจะเลื่อน และการเลือกนายกฯ ควรมีการวินิจฉัยให้ถ่องแท้ เพราะเริ่มต้นก็ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ และทำลายประชาธิปไตยอย่างรุนแรง เนื่องจากมีข้อตกลงระหว่างพรรค ภท.กับพรรคประชาชน (ปชน.) กรณีเลือกบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี น่าเสียดายที่พรรคที่ประกาศตัวเองว่ายึดมั่นในประชาธิปไตย

ถกเดือดเลื่อนวาระโหวตนายกฯ

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ใช้สิทธิ์พาดพิงว่า สิ่งที่อยากเรียกร้องต่อประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ สมาชิก ผู้บริหารของแต่ละพรรคการเมือง เรามีญัตติโหวตเลือกนายกฯ หากเห็นว่าเป็นญัตติสำคัญจำเป็นต้องเลื่อนขึ้นมาก่อน ขอให้ผู้บริหารทุกพรรคขึ้นมายืนยันว่า หากจะโหวตนายกฯ ก่อนจะอยู่เป็นองค์ประชุมและพิจารณาจบในกฎหมายทุกฉบับที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อยืนยันว่าสภาเป็นหลักยึดให้กับประชาชนได้ ไม่ใช่โหวตนายกฯ เสร็จแล้วก็กลับบ้านกันไป

เวลา 10.30 น. นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า MOA ระหว่างพรรค ภท.และพรรค ปชน.มีปัญหาเกิดขึ้นมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย บังคับใช้ไม่ได้ หากว่าเพื่อนสมาชิกที่ลงนามดำเนินการตามข้อตกลงดังกล่าว จะมีความสุ่มเสี่ยงผิดรัฐธรรมนูญ และขัดกับ พ.ร.ป.พรรคการเมืองด้วย อย่างไรก็ตาม นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ใช้สิทธิ์พาดพิงว่า ยืนยันการกระทำของพวกเราไม่ได้เป็นการกระทำที่ละเมิดต่อรัฐธรรมนูญ หรือระบอบประชาธิปไตย เรายืนอยู่จุดนี้มาโดยตลอด

ต่อมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ภท. ชี้แจงกรณีนายณัฐพงษ์ขอให้ยืนยันจะอยู่พิจารณาญัตติอื่นต่อหากเลื่อนวาระโหวตนายกฯว่า ตนและพรรค ภท.จะอยู่เป็นองค์ประชุมให้การประชุมทุกวาระในวันนี้ และในอนาคตดำเนินไปด้วยความราบรื่น สมกับเจตนารมณ์ของพวกเราทุกประการ

จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบวาระพิจารณาญัตติของพรรค ภท.ว่า จะเลื่อนระเบียบวาระการโหวตเลือกนายกฯ ขึ้นมาพิจารณาก่อน หรือคงไว้ตามระเบียบวาระเดิมเห็นชอบกับการเลื่อนระเบียบวาระการโหวตเลือกนายกฯ ขึ้นมาพิจารณาก่อน ผลปรากฏว่า คะแนนเสียงเห็นชอบ 313 เสียง ไม่เห็นชอบ 142 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 5 เสียง ทำให้มีการเลื่อนวาระโหวตนายกฯ มาพิจารณาก่อน

โดยเวลา 11.35 น. เข้าสู่การพิจารณาเรื่องด่วนที่ 8 พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพิ่มเติม ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม

ก่อนที่จะเข้าวาระ นายไชยาได้แจ้งหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งบุคคลที่สมควรเป็นนายกฯ ว่า ข้อบังคับการประชุมสภาฯ ปี 2562 ไม่ได้กำหนดหมวดการพิจารณาเห็นชอบนายกฯ ไว้เป็นการเฉพาะ จึงขอปรึกษาที่ประชุมเพื่อใช้ขั้นตอนการดำเนินการในเสนอชื่อบุคคล แต่งตั้งเป็นนายกฯ ให้สมาชิกเสนอชื่อกับบุคคลที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 และมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองที่แจ้งไว้ตามมาตรา 88 ซึ่งมีสมาชิกได้รับการเลือกตั้งเป็น สส. ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของสมาชิกที่มีในสภา หรือไม่น้อยกว่า 25 คน และต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด ต้องใช้เสียงรับรองไม่น้อยกว่า 50 คน ส่วนวิธีการออกเสียงลงคะแนนจะทำโดยการเปิดเผย ผู้ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือ 247 เสียงขึ้นไป

แต่อย่างไรก็ตาม กระบวนการลงมติเลือกนายกฯ ก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะนายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย สอบถามจะให้มีอภิปรายแสดงความเห็นได้ก่อนจะลงมติหรือไม่ ซึ่งที่ประชุมเห็นตรงกันว่า ให้อภิปรายถึงบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อได้ แต่ไม่สามารถตกลงเรื่องกรอบเวลาการอภิปรายได้ ถกเถียงกันอีกพักใหญ่

พท.ดาหน้าฟาดคุณสมบัติหนู

เวลา 12.05 น. นายไชยาตัดให้เข้าสู่กระบวนการเสนอชื่อ โดยนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เสนอนายอนุทินเป็นบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ขณะที่นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เสนอนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ โดยที่ประชุมได้ตกลงเรื่องเวลาการอภิปรายให้ฝ่ายละ 1 ชั่วโมง และมีการขอเวลาสำหรับฝ่ายที่ยังไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดให้อภิปรายในครั้งนี้ด้วย

นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. อภิปรายสนับสนุนนายชัยเกษม พร้อมแสดงเหตุผลที่นายอนุทินไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกฯ ตอนหนึ่งระบุว่า การจะเป็นรัฐบาลด้วยเสียงข้างน้อยขัดต่อหลักการของระบบรัฐสภาของระบอบประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง รวมทั้งการที่ผู้นำฝ่ายค้านฯ อยู่ใน 2 สถานะเช่นนี้จะเป็นฝ่ายค้านที่น่าเชื่อถือได้อย่างไร

"นายอนุทินขาดคุณสมบัติ เนื่องจากมีบารมีมากไป หรือเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีอานุภาพมาก ขนาดยังไม่ได้เป็นนายกฯ คนก็คาดการณ์ว่าจะได้เป็นนายกฯ การรถไฟแห่งประเทศไทยยังขอเลื่อนการร้องทุกข์คดีเขากระโดงออกไปอย่างไม่มีกำหนด ด้วยเหตุผลว่ารอรัฐมนตรีคนใหม่เสียก่อน หากเป็นอย่างนี้ภาพพจน์นักการเมืองที่เสียหายตกต่ำอยู่แล้วก็จะยิ่งตกต่ำต่อไป บารมีเช่นนี้น่าเป็นห่วง หากใช้มากๆ จะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่พรรคของท่านไปพัวพันกับคดีฮั้ว สว." นายจาตุรนต์ระบุ

นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. อภิปรายตอนหนึ่งว่า มีข่าวลือหนาหูเหม็นคลุ้งในสภาถึงการจะมาเป็นนายกฯ คนที่ 32 ของนายอนุทินมีการใช้เงิน 1,500-2,000 ล้านบาท อยากทราบว่าตัวเลขจริงๆ ที่ไปรองรับให้นายอนุทินเป็นนายกฯ ใช้เท่าไร อย่างไรก็ตาม สส.ภูมิใจไทยได้ประท้วงว่าใส่ร้ายป้ายสี ให้หาหลักฐานมาพิสูจน์ ก่อนที่นายอดิศรจะอภิปรายต่อว่า อยากได้นายกฯ ใสสะอาด ขอให้ไปสาบานวัดพระแก้วว่าไม่มีการสนับสนุนเงินต่างๆ

เวลา 13.50 น. นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อภิปรายว่า หากพรรคอันดับ 3 ยืนยันกับตนต่อหน้าสภาได้หรือไม่ว่าแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับต้องไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 ถ้าท่านยืนยันต่อสภาแห่งนี้ ตนจะตัดสินใจทันที

เวลา 14.05 น. นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. อภิปรายตอนหนึ่งว่า นายอนุทินต้องเรียนตามตรง ตนมีความไม่สบายใจในคุณสมบัติข้อกฎหมายว่าจะมีปัญหาตามมาแน่นอน เพราะเป็นที่รู้กันทั่วไปคือเรื่องของคดีฮั้ว สว. ท่านเป็นคนที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี และท่านได้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นของ กกต. กำลังอยู่ในกระบวนการทางกฎหมายยุติธรรม

เวลา 14.32 น. นายณัฐพงษ์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายสนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกฯ ตอนหนึ่งระบุว่า นอกเหนือจากยุบสภาเปิดประตูสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราต้องการเดินหน้ากระบวนการประชาธิปไตยจริงๆ ไม่ใช่วันหนึ่งที่พรรคภูมิใจไทยแยกออกจากรัฐบาลแล้ว ดูว่ากฎหมายนิรโทษกรรม และกระบวนการเดินหน้าประชาธิปไตยอื่นๆ ท่านผลักดันจริงหรือเปล่า

"ผมยืนยันในฐานะหัวหน้าพรรค และถ้ามี สส.ของพรรคประชาชนคนใด ที่วันนี้ขัดต่อมติพรรค คือขัดต่อคุณค่าพื้นฐานของพรรคที่บอกว่าพรรคใหญ่กว่าคน วันนี้เราหนักแน่นในมติของพรรค ต่อการตัดสินใจของเรา และเราเดินหน้าอย่างไม่ลังเล ไม่วอกแวก" หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าว

จากนั้นเวลา 15.00 น. เข้าสู่การพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยมีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ให้มีการการลงคะแนนเป็นที่เปิดเผย โดยขานชื่อ สส.ทีละคน ให้ความเห็นชอบระหว่างนายอนุทินและนายชัยเกษม ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม.

ฉลุยเลือก 'อนุทิน' 311 เสียง

เวลา 16.20 น. นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ประกาศผลการลงคะแนน นายอนุทินได้คะแนน 311 คะแนน ซึ่งได้รับเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ส่วนนายชัยเกษมได้ 152 คะแนน และมีผู้งดออกเสียง 27 คะแนน

นายฉลาดได้กล่าวแสดงความยินดี ซึ่งนายอนุทินได้ยกมือขอบคุณเพื่อนสมาชิก เรียกเสียงปรบมือจากห้องประชุมได้เป็นอย่างมาก จากนั้นนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลุกขึ้นกล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (ฉบับที่…) พ.ศ…..และร่างพระราชบัญญัติอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พ.ศ…..โดยขอให้ทุกคนอยู่เป็นองค์ประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการเลือกนายกฯ นายอนุทินได้เดินขอบคุณ สส.ที่โหวตสนับสนุน นอกจากนี้ยังมีบรรดา สส.ร่วมแสดงความยินดีกับนายอนุทินอย่างคึกคัก อาทิ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ และนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส พรรคกล้าธรรม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ รวมถึง สส.จากพรรคเพื่อไทยด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทินได้เสียงสนับสนุนถึง 311 เสียง จะเท่ากับมีเสียงสนับสนุน 169 เสียง มากกว่าเสียงที่นายอนุทินประกาศจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคกล้าธรรม 31 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 17 พรรครวมไทยสร้างชาติ 16 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 3 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 3 เสียง รวม 146 เสียง เกินมา 23 เสียง ทำให้นายอนุทินได้เดินไปชี้แจงแกนนำพรรค ปชน. เพราะมีการปั่นกระแสพรรค ภท.ผิดข้อตกลงไม่เพิ่มเสียง เพื่อเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยว่า โดยนายอนุทินระบุว่า "ผมยึดถือที่ 146 เสียงเท่านั้น“

สำหรับคะแนนที่โหวตให้นายอนุทินเป็นนายกฯ ส่วนใหญ่เป็นพรรคที่จับขั้วกัน ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน พรรคกล้าธรรม พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ลงมติไปในทางเดียวกันทั้งหมด รวมถึงกลุ่มงูเห่าจากพรรคเพื่อไทย 8 เสียง และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคไทยสร้างไทย 6 คน ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์มีคนสวนมติพรรคมาร่วมสนับสนุนนายอนุทิน ทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง, นายราชิต สุดพุ่ม สส.นครศรีธรรมราช, นายสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา และนายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา

ส่วนพรรคชาติพัฒนา มีนายประสาท ตันประเสริฐ สส.นครสวรรค์ นอกจากนี้ยังมี น.ส.ประภา เฮงไพบูลย์ สส.กาฬสินธุ์ พรรคภูมิใจไทย ที่ก่อนหน้านี้ เป็นงูเห่าของพรรคภูมิใจไทย แต่การโหวตรอบนี้กลับมาสนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี

ส่วนคะแนนเห็นชอบนายชัยเกษม มาจากพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคไทรวมพลัง พรรคชาติพัฒนา นอกจากนี้ยังมี 2 เสียงจากพรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ นายอนันต์ ผลอำนวย และนายปริญญา ฤกษ์หร่าย สส.กำแพงเพชร ที่ก่อนหน้านี้ เคยโหวตสวนมติพรรคไปให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2569 วาระ 3 ซึ่งการโหวตรอบนี้ก็ยังโหวตสวนมติพรรค คือโหวตให้นายชัยเกษมเป็นนายกรัฐมนตรี

ขณะที่คะแนนงดออกเสียง 27 เสียง มาจากพรรคประชาธิปัตย์ 20 เสียง ประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ทั้ง 2 คน นายอนุทิน รวมถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แก่ นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร สส.นครปฐม และนายนิติศักดิ์ ธรรมเพชร สส.พัทลุง

ทั้งนี้ ไม่พบการลงคะแนน 2 คน ได้แก่ ว่าที่ ร.ท.ยุทธการ รัตนมาศ สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และ น.ส.ปิยะนุช ยินดีสุข สส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย

นอกจากนี้ ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ มีงดออกเสียง 2 คนคือ นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ และ พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร สส.นครปฐม ส่วน สส.ที่เหลือที่มีทั้งกลุ่มของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และกลุ่มของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ได้โหวตให้นายอนุทิน ซึ่งหลังลงคะแนนเสร็จสิ้น นายเอกนัฏได้เดินไปแสดงความยินดีกับนายอนุทินด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 17.40 น. นายอนุทิน ว่าที่นายกฯ คนที่ 32 เดินทางไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยทันทีที่ถึงโรงพยาบาล นายอนุทินได้ก้มกราบที่ตักพ่อ พร้อมสวมกอดพ่อระหว่างที่พ่อกำลังรับประทานอาหารเย็น ทั้งคู่มีสีหน้ายิ้มแย้มสดใส

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ภายหลังจากที่ประชุมสภามีมติให้นายอนุทินดำรงตำแหน่งนายกฯ คนที่ 32 ล่าสุด นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงนามรับรองชื่อนายอนุทิน และจะนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในวันที่ 6 ก.ย.นี้ เพื่อรอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ตามขั้นตอนต่อไป

เพจพรรคเพื่อไทยโพสต์ข้อความระบุว่า "พรรคเพื่อไทย พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านตามครรลองของรัฐสภา ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย ขอขอบคุณทุกแรงใจ นโยบายหลายเรื่องที่ยังค้างไว้ เราจะรอวันกลับมาสานต่อให้สำเร็จเพื่อคนไทยทุกคน…ตลอดไป"

นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา” แสดงความยินดีกับนายอนุทิน

ส่วนนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ตำหนิ 4 เสียงที่ไม่ปฏิบัติตามมติพรรคว่า ต้องมีการตั้งคณะกรรมการในการสอบสวน ถึงแม้ว่าใช้เอกสิทธิ์ สส. ก็ต้องดูว่าเอกสิทธิ์ สส.ตามรัฐธรรมนูญทำได้จริงหรือไม่ แต่เมื่อมีมติของพรรคแล้ว ก็ต้องเดินตามมติของพรรค.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...