โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้า ลำสุดท้ายของกองทัพเรือสหรัฐฯ ก่อนปรับเปลี่ยนใช้พลังงานนิวเคลียร์เต็มรูปแบบ

THE STATES TIMES

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล

ช่วงเวลานี้ ข่าวดี ข่าวสำคัญ ข่าวหนึ่งของพี่น้องประชาชนคนไทยผู้ที่มีใจรักชาติก็คือ เรือดำน้ำแบบ S26T ที่สั่งต่อในประเทศจีนได้ไปต่อ โดยรัฐบาลยอมให้มีการแก้สัญญาเปลี่ยนเครื่องยนต์/เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ MTU 396 ของเยอรมนี ซึ่งรัฐบาลเยอรมนีไม่อนุญาตให้ส่งออกไปยังจีนซึ่งเป็นผู้ผลิตเรือ จนทำให้โครงการต้องหยุดชะงักเป็นเวลานานนับปี ให้เป็นไปตามที่จีนซึ่งได้เสนอให้ติดตั้งเครื่องยนต์/เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ CHD620 โดยจีนระบุว่า เทียบเท่ากับ MTU 396 หรือเป็น “Licensed-manufactured” จากเยอรมนีแทน และกลายเป็นประเด็นปัญหาของรัฐบาลและกองทัพเรือ กระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 5-7 สิงหาคมที่ผ่านมา รัฐบาลไทยโดยมติคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในการแก้ไขสัญญาเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์/เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ CHD620 ของจีนแทน MTU 396 และขยายเวลาส่งมอบเรือออกไปอีก 1,217 วัน

เรือดำน้ำถือเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญต่อการปกป้องน่านน้ำไทยเป็นอย่างยิ่ง พลเรือเอก (เกษียณราชการแล้ว) ท่านหนึ่งเคยเล่าให้ผู้เขียนว่า ครั้งหนึ่งท่านเคยซ้อมรบกับกองทัพเรือสหรัฐฯ ในการฝึกซ้อมปราบเรือดำน้ำ ฝ่ายสหรัฐฯ ได้เตรียมเรือดำน้ำนิวเคลียร์ลำใหญ่มากมาร่วมการฝึกด้วย โดยลอยลำให้หมู่เรือฝึกเห็นอย่างชัดเจน แต่พอเริ่มการฝึกเรือดำน้ำดำลงไม่นาน โซนาร์ของหมู่เรือฝึกไม่สามารถจับเรือดำน้ำลำดังกล่าวได้อีกเลย สำหรับเรือดำน้ำจีนจัดได้ว่า เป็นเรือดำน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงพอสมควร ด้วยเหตุการณ์เมื่อ 26 ตุลาคม 2006 เรือดำน้ำจีน (Song-class ซึ่งเรือดำน้ำ S26T ของไทยถูกพัฒนามาจากรุ่นนี้) สามารถโผล่ขึ้นมาในระยะไม่เกิน 5 ไมล์จากขบวนเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Kitty Hawk ของสหรัฐฯ ซึ่งสร้างความประหลาดใจที่เรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้าของจีนสามารถเล็ดลอดเข้ามาใกล้กองเรือที่มีระบบตรวจจับที่ทันสมัยครบครันได้ และยังมีเหตุการณ์อื่นที่คล้ายกันในปี 2015 ซึ่งรายงานว่า เรือดำน้ำของจีนสามารถติดตามขบวนเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Ronald Reagan โดยไม่รู้ตัวนานครึ่งวัน

สำหรับการกล่าวอ้างว่า เครื่องยนต์/เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ CHD620 เคยใช้เฉพาะเรือดำน้ำของกองทัพเรือจีนเท่านั้นไม่เป็นความจริงได้อย่างใด เพราะเรือดำน้ำ Hangor-class ของปากีสถานซึ่งต่อจากจีน (China Shipbuilding Industry Corporation (CSIC)) และมีกำหนดส่งมอบเรือดำน้ำ 4 ลำภายในปีนี้ และจะต่อภายในปากีสถานอีก 4 ลำ (Karachi Shipyard & Engineering Works (KSEW)) โดยมีกำหนดส่งมอบในอีก 3-4 ปีข้างหน้าก็ใช้เครื่องยนต์/เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ CHD620 คงมีผู้อ่านจำนวนมากสงสัยว่า ขณะที่มีการแข่งขันประกวดราคาเพื่อจัดซื้อเรือดำน้ำของไทยนั้น มีบริษัทจากประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมหลายประเทศ ประเทศที่เข้าร่วมประมูล/ยื่นข้อเสนอ: เยอรมนี, สเปน, สหราชอาณาจักร, เนเธอร์แลนด์, สหรัฐอเมริกา, เกาหลีใต้, และจีน โดยบริษัทจาก สเปน และ เกาหลีใต้ (Daewoo) ผ่านการคัดเลือกในรอบแรก และโครงการที่เกิดขึ้นดำเนินการผ่านความร่วมมือกับจีนในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) แล้วทำไมบริษัทต่อเรือจากสหรัฐอเมริกาจึงไม่ปรากฏเป็นข่าวเลย ทั้งนี้ด้วยเพราะปัจจุบันในสหรัฐฯ ไม่มีอู่ต่อเรือที่ยังผลิตเรือดำน้ำแบบดีเซล-ไฟฟ้า (diesel-electric submarines) แล้ว

ทั้งนี้ตั้งแต่ในยุคช่วงสงครามเย็นเป็นต้นมา กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนไปใช้เรือดำน้ำที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ทั้งหมด ด้วยเหตุผลคือ (1) ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าของระบบนิวเคลียร์ เรือดำน้ำนิวเคลียร์มีระยะปฏิบัติการไม่จำกัด และสามารถอยู่ในระดับความลึกได้ยาวนานโดยไม่ต้องขึ้นสู่ผิวน้ำ ซึ่งเหมาะกับภารกิจในน่านน้ำเปิด (Blue water) มากกว่า (2) แรงต่อต้านจากทบวงทหารเรือและวัฒนธรรมของกองทัพเรือ และจากชุมชนผู้สนับสนุนเรือดำน้ำนิวเคลียร์ในสหรัฐฯ ซึ่งมีอิทธิพลและบทบาทมาก ต่างไม่เห็นด้วยกับการใช้เรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้า เนื่องจากจะเป็นการเบียดบังงบประมาณและทรัพยากรที่ควรใช้กับเรือดำน้ำนิวเคลียร์ และ (3) พันธะผูกพันทางยุทธศาสตร์และอุตสาหกรรม โครงสร้างการผลิตและการวางแผนของสหรัฐฯ ได้มุ่งเน้นไปที่เรือดำน้ำนิวเคลียร์อย่างเต็มที่เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีสายการผลิตหรือแรงงานเฉพาะในสหรัฐฯ สำหรับเรือดำน้ำดีเซลอีกต่อไป อีกทั้งเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์จัดว่าเป็นอาวุธเชิงรุกทางยุทธศาสตร์ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อประเทศมหาอำนาจเท่านั้นที่ต้องมีไว้ใช้งาน

USS Blueback (SS-581) เป็นเรือดำน้ำชั้น Barbel เรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้า (diesel-electric submarines) แบบสุดท้ายที่ประจำการในกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา สร้างขึ้นทั้งหมด 3 ลำได้แก่ USS Barbel (SS-580) USS Blueback และ USS Bonefish (SS-582) โดย USS Blueback ต่อโดย Ingalls Shipbuilding Corporation เมือง Pascagoula มลรัฐ Mississippi ต่อเสร็จเมื่อวันที่ 15 เมษายน 1957 เรือลำนี้ถูกปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 1959 และเข้าประจำการเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 1959 โดยมี นาวาโท Robert H. Gautier เป็นผู้บังคับการคนแรก สำหรับที่มาของชื่อ Blueback จากพจนานุกรมของกองทัพเรืออเมริกัน (American Naval Fighting Ships) ระบุว่าชื่อ Blueback มาจากปลาเทราต์ (แซลมอน) สายรุ้ง หรือปลาเทราต์สตีลเฮดที่พบเฉพาะในทะเลสาบเครสเซนต์บนคาบสมุทรโอลิมปิกในมลรัฐ Washington โดยปลาชนิดนี้อาศัยอยู่ในน้ำลึก มีสีดำอมน้ำเงินบริเวณด้านบนและสีขาวอมฟ้าบริเวณด้านล่าง เรือลำนี้เป็นเรือดำน้ำลำที่สองของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ใช้ชื่อนี้

หลังจากประจำการ ภารกิจส่วนใหญ่ของ USS Blueback ปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนในพื้นที่รับผิดชอบของกองเรือที่ 7 (มหาสมุทรแปซิฟิก) เป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งเขตสงครามในทะเลจีนใต้ระหว่างสงครามเวียตนาม เรือลำนี้เป็นเรือดำน้ำที่ไม่ใช่เรือดำน้ำนิวเคลียร์ลำสุดท้ายที่ประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯ และเป็นเรือดำน้ำขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์แบบเดิมลำสุดท้ายที่ถูกปลดประจำการ ซึ่งทำให้กองทัพเรือสหรัฐฯ มีกองเรือดำน้ำนิวเคลียร์เต็มรูปแบบ ยกเว้นเรือดำน้ำสำรวจวิจัย USS Dolphin (AGSS-555) (Diesel-electric research submarine) เข้าประจำการในปี 1968 จนถึงปี 2007

USS Blueback ถูกปลดประจำการจากกองทัพเรือสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 1990 และประจำการอยู่ในกองเรือสำรองแปซิฟิกที่เมืองเบรเมอร์ตัน มลรัฐ Washington ต่อมาถูกปลดออกจากทะเบียนเรือของกองทัพเรือเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 1990 เมื่อถูกปลดประจำการ จึงเป็นเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้าลำสุดท้ายของกองทัพเรือสหรัฐฯ หลังจากปลดประจำการได้ถูกนำมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งมลรัฐ Oregon ในฐานะอนุสรณ์สถานเรือดำน้ำแห่งชาติ ในเดือนกุมภาพันธ์ 1994 พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งมลรัฐ Oregon (Oregon Museum of Science and Industry: OMSI) ได้ทำการลาก USS Blueback ไปยังเมืองพอร์ตแลนด์ มลรัฐ Oregon ซึ่งปัจจุบันเรือลำนี้ตั้งอยู่เป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์และอนุสรณ์สถาน ใบพัดของเรือถูกถอดออกและติดตั้งไว้ด้านนอกพิพิธภัณฑ์ในฐานะอนุสรณ์สถานเรือดำน้ำแห่งชาติ OMSI มีบริการนำชมเรือดำน้ำพร้อมไกด์นำเที่ยวระยะสั้นหลายครั้งต่อวัน และทัวร์ทางเทคนิคราวสามชั่วโมง สองครั้งต่อเดือน เรือลำนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนในทะเบียนสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งชาติในเดือนกันยายน 2008 ห้องวิทยุได้รับการบูรณะโดยสโมสรวิทยุ USS Blueback พร้อมด้วยวิทยุทหารโบราณและอุปกรณ์วิทยุสมัครเล่นสมัยใหม่ที่ใช้งานได้จริง ซึ่งใช้เสาอากาศ HF และ VHF ดั้งเดิมของทหาร มีสัญญาณเรียกขานวิทยุของเรือดำน้ำลำนี้ในปัจจุบันคือ W7SUB

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STATES TIMES

IEA คาดน้ำมันโลกปีหน้าอาจ ‘ล้นสต็อก’ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2026

54 นาทีที่แล้ว

‘เอกนัฏ’ ส่งทีมสุดซอยบุกโกดังย่านประเวศ ยึดพาวเวอร์แบงก์-อะแดปเตอร์เถื่อน มูลค่ากว่า 13.5 ล้าน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

รฟท. จับมือมาเลเซีย เตรียมเปิดรถไฟสายกรุงเทพ–บัตเตอร์เวอร์ธ ท่องเที่ยวอาเซียน!! นั่งยาวถึงปีนัง โดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘พีระพันธุ์’ เป็นประธานมอบโล่รางวัลและใบประกาศเกียรติคุณ การประกวดจัดทำภาพยนตร์สั้น โครงการอนุรักษ์ความเป็นไทย

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

‘Weibo Cultural Exchange Night’ สุดยิ่งใหญ่ฉลองครบรอบ 50 ปีไทย-จีน

เดลินิวส์

สืบยานนาวา รวบ “รามบางนา” เอเย่นต์พอตเค พบของกลางอื้อ

PPTV HD 36

ผลักดันสินค้า OTOP ขายในสนามบิน หวังสร้างรายได้ให้ท้องถิ่น นำร่องแล้ว 6 แห่ง

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ไทย-จีนร่วมแรงร่วมใจในความร่วมมือทางศิลปะ

สำนักข่าวไทย Online

2 หนุ่มน้อย ขี่มอเตอร์ไซต์จากกำแพงเพชร มาหาสาวบุรีรัมย์

TNews

กัณวีร์ เคียงข้างหมอสุภัทร!! ถ้าคนแบบนี้จะถูกปลด จะหารือผ่านไปยังรัฐมนตรี ไม่ชอบคนทำงานหรอ?

TOJO NEWS
วิดีโอ

สาวไทย เดือด ภูมิธรรมต้องพิจารณาตัวเอง! ลั่น คนไทยเจ็บปวดยิ่งกว่าคุณ

BRIGHTTV.CO.TH

แม่ทัพดอกเหมย โอดสงสาร! วัน มรณา ถูกผู้นำปิดหูปิดตา

TOJO NEWS

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...