โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

SMEs-การเกษตร

‘อรรถกร’ ติดอาวุธฝนหลวง ยกระดับสนามบินตากสู่สากล รับเครื่อง L-410NG เสริมภารกิจดัดแปรอากาศ

เดลินิวส์

อัพเดต 18 สิงหาคม 2568 เวลา 1.28 น. • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
รมว.อรรถกร สั่งติดอาวุธกรมฝนหลวงฯ เตรียมยกระดับ

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าการลงพื้นที่ตรวจติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาท่าอากาศยานตาก และการปฏิบัติการฝนหลวงเติมน้ำในเขื่อนในพื้นที่ภาคเหนือ ณ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ตำบลน้ำรึม อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามความก้าวหน้าแผนการพัฒนาท่าอากาศยานตากเป็นศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงฐานหลักภาคเหนือในการปฏิบัติการบินดัดแปรสภาพอากาศเพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือ รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งในการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง การดับไฟป่า การบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และภารกิจอื่น ๆ แทนศูนย์ปฏิบัติการเดิมที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้รับมอบการโอนความรับผิดชอบการบริหารท่าอากาศยานตาก จากกรมท่าอากาศยาน กระทรวงคมนาคมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร อยู่ระหว่างการศึกษาและทบทวนการจัดทำแผนการจัดตั้งศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านการบิน เพื่อผลิตและพัฒนาศักยภาพนักบิน ช่างอากาศยาน และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง พร้อมเครื่องฝึกบินเสมือนจริง (Full Flight Simulator) มาตรฐานสากล และศูนย์ฝึกภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานการบินของประเทศ และลดค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรมในระยะยาวได้

ในโอกาสนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้รับมอบเครื่องบิน L-410NG จำนวน 2 ลำ เข้าประจำการสนับสนุนภารกิจการปฏิบัติการฝนหลวงและการดัดแปรสภาพอากาศ ซึ่งเครื่องบินดังกล่าวมีสมรรถนะสูง และเป็นเครื่องบินรุ่นใหม่ในภูมิภาคอาเซียนที่ติดตั้งระบบเฉพาะเพื่อการดัดแปรสภาพอากาศ สามารถบินไกลถึง 2,500 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 417 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมมีเทคโนโลยี Glass Cockpit Garmin G3000 ทันสมัยและปลอดภัย อีกด้วย

“วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีในการต้อนรับเครื่องบิน L-410NG จำนวน 2 ลำ ที่จะมาเป็นสมาชิกใหม่ของกรมฝนหลวงฯ มาช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจทั้งในด้านการบินเกษตร และด้านอื่น ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องประชาชน อีกทั้งจะเป็นกำลังสำคัญในการปฏิบัติการเติมน้ำในเขื่อน โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลให้เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งได้มอบนโยบายและให้กำลังใจพี่ ๆ นักบิน และเจ้าหน้าที่ทุกท่านให้ดำเนินภารกิจอย่างเต็มที่ และใช้ประโยชน์จากสมาชิกใหม่ทั้ง 2 ลำนี้ รวมถึงเครื่องบินเดิมที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนต่อไป” นายอรรถกร กล่าว

ด้านนายราเชน ศิลปะรายะ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้มีการติดตามสถานการณ์ และวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงอยู่ต่อเนื่อง ซึ่งผลปฏิบัติการฝนหลวงบริเวณภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จ.เชียงราย จ.พะเยา จ.น่าน และ จ.เชียงใหม่ พบว่าในหลายพื้นที่มีปริมาณฝนและปริมาณน้ำต้นทุนเพียงพอต่อความต้องการแล้ว ในขณะเดียวกันบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่ จ.ลำพูน จ.ตาก จ.สุโขทัย จ.กำแพงเพชร จ.พิษณุโลก จ.พิจิตร และ จ.เพชรบูรณ์ ยังคงมีการวางแผนดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงอย่างระมัดระวังและรอบคอบ เพื่อเพิ่มปริมาณฝน และเพิ่มแหล่งน้ำต้นทุนในทางการเกษตรและการอุปโภคบริโภคให้สอดคล้องต่อความต้องการของพี่น้องประชาชนและเกษตรกร ซึ่งหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย เพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อภาคการเกษตร และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน โดยผลการปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม – 31 กรกฎาคม 2568 พบว่ามีการขึ้นบินปฏิบัติการจำนวน 146 วัน 1,865 เที่ยวบิน มีฝนตกจากการปฏิบัติการถึงร้อยละ 91.84 ครอบคลุมพื้นที่เกษตรกว่า 21.81 ล้านไร่ และเติมน้ำเขื่อนสำคัญในภาคเหนือหลายแห่ง.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

“ผีแดง” ซึมโดน “ปืนใหญ่” บุกเชือดคาบ้าน “บายินดีร์” แจกอีกแล้ว

37 นาทีที่แล้ว

ทนไม่ไหวแล้ว!” น้องชายฟิวส์ขาด แทงพี่ดับคาบ้าน หลังถูกด่าซ้ำๆ

52 นาทีที่แล้ว

คำขอสุดท้าย’ จากแดนอาทิตย์อุทัย ญี่ปุ่นเผยความเสียหาย ‘ทุ่นระเบิด’ วิงวอนให้ความสูญเสียสิ้นสุด

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘ผู้ว่าฯสงขลา’ จัดคิว!นายอำเภอเวียนต้อนรับ–ส่ง ‘เดชอิศม์’ ที่สนามบินหาดใหญ่

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...