‘ทนายคดีเขากระโดง’ โต้ ‘ภูมิธรรม’ ฟังข้อมูลด้านเดียวจาก ‘ใบสั่ง’
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. นายชนินทร์ แก่นหิรัญ ทนายความคดีพิพาทที่ดินเขากระโดง เปิดเผยว่า ตนขอเรียนชี้แจงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เรื่อง “พระราชประสงค์ของพระมหากษัตริย์ กับที่ดินเขากระโดง” ว่า ด้วยความเคารพ ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และเอกสารราชการสมัยรัชกาลที่ 5 ยืนยันชัดเจนว่า พระองค์ไม่เคยมีพระราชประสงค์จะยกที่ดินเขากระโดงทั้งหมดให้กรมรถไฟหลวงหรือการรถไฟฯ ครอบครองอย่างเบ็ดเสร็จ ตนจึงขอชี้แจงเป็นข้อ ๆ ดังนี้ 1.พระราชดำริเมื่อ พ.ศ. 2451 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำริผ่านเจ้ากรมโยธาธิการ ตามคำขอของเจ้ากรมรถไฟ ว่าพื้นที่สองข้างทางรถไฟควรใช้เท่าที่จำเป็น ข้างละประมาณ 20 วา (ราว 40 เมตร) เขตสถานีไม่เกินข้างละ 40 วา (ราว 80 เมตร) ส่วนพื้นที่รกร้างนอกเหนือจากนี้ที่ขอข้างละ 5 เส้น (ราว 200 เมตร) พระองค์ “ไม่เห็นชอบ” และให้ยกเลิก
นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า 2.หลักฐานชัดเจน เอกสารหนังสือตอบข้อหารือของพระองค์ถึงนายแอร์ไวเลอร์ เจ้ากรมรถไฟหลวงในขณะนั้น แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่า ที่ดินนอกเหนือความจำเป็น ไม่ได้อยู่ในพระราชประสงค์ให้ครอบครอง 3.ความแตกต่างกับพระราชกฤษฎีกาปี 2462 พระราชกฤษฎีกาที่ท่านรัฐมนตรีอ้างถึง ออกใน รัชกาลที่ 6 (พ.ศ. 2462) ไม่มีปรากฏในราชกิจจานุเบกษาว่ามีการจัดซื้อหรือเวนคืนที่ดินเขากระโดงตาม พ.ร.บ.จัดวางรางแลทางหลวง พ.ศ. 2464 แต่อย่างใด
นายชนินทร์ กล่าวต่อว่า 4.กรอบกฎหมายชัดเจน พ.ร.บ.จัดวางรางแลทางหลวงฯ หมวด 2 ได้กำหนดวิธีการได้มาซึ่งที่ดินของการรถไฟฯ ไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องได้มาโดยการซื้อ เวนคืน หรือรับโอนตามขั้นตอน ไม่ใช่การอ้างครอบครองทั้งหมดเพราะเป็น “พระราชประสงค์”
5.ข้อเสนอแนะท่านรัฐมนตรีอาจได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วน จึงควรเปิดใจรับฟังหลักฐานประวัติศาสตร์และข้อกฎหมายอย่างรอบด้าน การตัดสินใจและการสื่อสารต่อสาธารณะ ควรตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง ไม่ใช่ความเชื่อที่เกิดจาก “ใบสั่ง” หรือคำบอกเล่าฝ่ายเดียว
“การพิสูจน์สิทธิในที่ดินต้องทำในศาล ด้วยพยาน หลักฐาน ที่ครบถ้วน และหากมีข้อเท็จจริงหรือหลักฐานใหม่ที่ไม่เคยถูกนำเข้าสู่คดีเดิม ควรใช้เป็นฐานในการพิจารณาอย่างเปิดเผย โปร่งใส และเป็นธรรม” ทนายคดีเขากระโดง กล่าว.