เตรียมรับมือ ‘ควอนตัม’ เทคโนโลยีแห่งอนาคต กับงานเสวนา Quantum Industry Day
พวกเราทุกคนเคยผ่านช่วงเวลาที่ยังไม่รู้จักกับ AI ดีพอ แต่ต่อมากลับไม่สามารถแยก AI ออกจากชีวิตประจำวันได้ การรับมือกับเทคโนโลยีที่เรายังไม่รู้จักดีพอก่อนจะมาถึงจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้การปรับตัวของอุตสาหกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ลงความเห็นว่า ‘ควอนตัม’ กำลังจะเป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญมากถัดจากการมาถึงของ AI
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2025 ทาง The Secret Sauce มีโอกาสได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานเสวนา Quantum Industry Day ซึ่งภายในงานมีการเปิดเสวนาโดย นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และบรรณาธิการบริหาร THE STANDARD ร่วมกับ ดร.จิรวัฒน์ ตั้งปณิธานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ควอนตัม เทคโนโลยี ฟาวเดชัน (QTFT) เพื่อเน้นย้ำว่าเรากำลังจะก้าวจาก ควอนตัม ที่เป็นเพียงส่วนประกอบในนิยายวิทยาศาสตร์ เข้าสู่เทคโนโลยีควอนตัมที่มีความสำคัญกับโลกแห่งความจริง
นอกจากวิทยากรที่กล่าวไป ยังมีผู้บริหารบริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลก รวมถึงนักวิจัยจากนานาประเทศ ผลัดกันแลกเปลี่ยนความรู้บนเวทีตลอดทั้งวัน ทั้งเรื่องการพัฒนาเครื่องมือในปัจจุบันเพื่อเตรียมความพร้อม และแผนการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นต่อ ๆ ไปในอนาคต เพื่อที่จะสร้างความเข้าใจว่าเราจะสามารถรับมือกับการมาถึงของเทคโนโลยีควอนตัมได้อย่างไรบ้าง
ความสำคัญของเทคโนโลยีควอนตัม
ควอนตัมกำลังจะกลายเป็นสมองส่วนที่สามของ AI ซึ่งจะประกอบไปด้วยหน่วยประมวลผลกลาง (CPU), หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU), และหน่วยประมวลผลควอนตัม (QPU) ซึ่งในปัจจุบันมีการศึกษาเพื่อนำมาใช้กับ AI แล้วจริง ๆ แต่ QPU ที่ใช้ยังไม่ได้ทำงานด้วยศักยภาพสูงสุดที่คอมพิวเตอร์ควอนตัมควรทำได้ตามทฤษฎี เป้าหมายของนักวิจัยในปัจจุบันจึงเป็นการเพิ่มศักยภาพให้หน่วยประมวลผลควอนตัมทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น
ข้อมูลจาก McKinsey เปิดเผยว่าบริษัทด้านคอมพิวเตอร์ควอนตัมกำลังสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้นอยู่ที่ประมาณ 650-750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีการคาดการณ์ว่าจะพุ่งทะยานเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปี 2025 นี้ นักลงทุนที่ให้ความสนใจกับเทคโนโลยีควอนตัมก็เพิ่มสูงขึ้น โดยในปี 2024 มียอดการลงทุนในเทคโนโลยีควอนตัมมากถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่ามากขึ้นกว่าปี 2023 อย่างมีนัยสำคัญ
Nardo Manaloto นักลงทุนด้านเทคโนโลยีควอนตัมจากสหรัฐอเมริกา กล่าวว่าจากข้อมูลการลงทุนด้านควอนตัมเทคโนโลยีที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ทำให้เห็นว่าการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมเป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งเหตุผลที่ทำให้การหันมาสนใจเทคโนโลยีควอนตัมในวันนี้มีความสำคัญมากคือ ถ้าวันนี้เราตามไม่ทัน เราอาจจะกลายเป็นประเทศที่พึ่งพาเทคโนโลยีจากผู้อื่นมากขึ้น รวมถึงสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกมากมาย ทั้งในแง่ของการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ตำแหน่งงานใหม่ และแหล่งรายได้ใหม่ให้ประเทศ นอกจากนี้ถ้าหากว่าประเทศไทยยังไม่สร้างพื้นที่ให้กับการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัม อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้สมองไหล คนที่มีความรู้ความสามารถด้านควอนตัมจำเป็นต้องไปหาพื้นที่ในประเทศอื่น สุดท้ายประเทศไทยจะสูญเสียอำนาจในการวางกลยุทธ์ในระยะยาวได้
Nardo ยังเสริมอีกว่าสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการรับมือกับการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีควอนตัมคือการสร้างระบบนิเวศขึ้นมา เพราะการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ สิ่งที่ทุกคนกำลังทำนั้นเชื่อมโยงอยู่ด้วยกันทั้งหมด
โดย Nardo ได้กางพิมพ์เขียวการสร้างระบบนิเวศนี้ขึ้นมาเพื่อให้เห็นว่าในต่างประเทศสามารถเตรียมพร้อมรับมือกับการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมด้วยส่วนประกอบใดบ้างในระบบนิเวศ ลำดับแรกคือการศึกษาองค์ความรู้ในสถาบันการศึกษา เช่น มหาวิทยาลัย เพื่อบุกเบิกองค์ความรู้ใหม่ แล้วนำไปจดสิทธิบัตร หลังจากนั้นบริษัทสตาร์ตอัพและทีมงานที่มีประสบการณ์สามารถพัฒนาความรู้จากสิทธิบัตรนั้น เพื่อลดความเสี่ยง และสามารถสร้างมูลค่าให้องค์ความรู้นั้นได้ ซึ่งถ้าบริษัทสตาร์ตอัพเหล่านั้นมีกลยุทธ์และคำแนะนำที่ดีพอ อาจทำให้เกิดการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมนี้ให้ใหญ่ขึ้นได้ จากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องมีการสนับสนุนให้อุตสาหกรรมสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต
กรณีศึกษาการใช้งานเทคโนโลยีควอนตัม
ปัจจุบันเทคโนโลยีควอนตัมกำลังได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง เพราะเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพมากพอที่จะพลิกโฉมโลกใบนี้ได้จากผลการศึกษาในระยะเริ่มต้น แต่มันก็ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์สูงสุด เพราะเรายังไม่รู้จักมันดีพอ ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาในการค้นหาความเป็นไปได้ในการใช้เทคโนโลยีควอนตัมในแง่มุมต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
อโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้บริหารส่วนงานเทคโนโลยี จากบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีอย่าง IBM ประเทศไทย กล่าวว่ามีการสร้างและติดตั้งคอมพิวเตอร์ควอนตัมแล้วทั่วโลกกว่า 80 เครื่อง รวมถึงยังให้ความรู้เรื่องควอนตัมกับคนทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 2015 และมีเครือข่ายพันธมิตรในการศึกษาวิจัยอีกเกือบ 300 แห่ง ทำให้ IBM มีข้อมูลเพียงพอที่จะเห็นว่าบริษัทพันธมิตรนำเทคโนโลยีควอนตัมไปใช้ทำอะไรบ้าง
ตัวอย่างกรณีศึกษาที่คุณอโณทัยหยิบยกมาเล่าให้ฟัง เป็นข้อมูลจากหลายอุตสาหกรรม ทั้งด้านการเงิน ธนาคาร ประกัน ยานยนต์ เคมีภัณฑ์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ โลจิสติกส์ การสื่อสาร พลังงาน และอื่น ๆ อีกหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งมีแนวทางในการพัฒนางานที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรมของตนเอง โดยเทคโนโลยีควอนตัมนั้นเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้การวิเคราะห์ผลต่าง ๆ เกิดได้เร็วขึ้น
เทคโนโลยีควอนตัมไม่ได้เพียงแต่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถคำนวณได้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่มันยังพาทุกคนก้าวไปในอนาคตได้เร็วขึ้นด้วย เมื่อเปรียบเทียบการใช้ AI ร่วมกับคอมพิวเตอร์ทั่วไปในปัจจุบัน AI จะทำงานได้จำเป็นต้องมีข้อมูลมากมายจากอดีตเพื่อให้มันสืบค้นแล้วนำมาสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ในขณะที่เทคโนโลยีควอนตัมใช้สำหรับการมองหาความเป็นไปได้ในอนาคต ทำให้ IBM พัฒนาสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างคอมพิวเตอร์ทั่วไปในปัจจุบันร่วมกับคอมพิวเตอร์ควอนตัม ซึ่งการผสมผสานแบบนี้ทำให้ประหยัดต้นทุนในการคำนวณของ AI มากยิ่งขึ้น และความแม่นยำก็เพิ่มขึ้นตามมาด้วย
นอกเหนือจากการค้นหาความเป็นไปได้ของควอนตัมแล้วบริษัทเทคโนโลยีหลายเจ้ายังพยายามที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมให้มีจำนวน qubits สูงที่สุดและยังคงมีความแม่นยำสูงที่สุดด้วย โดยในปี 2025 นี้ IBM ก็กำลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่จำนวน qubits มากเกินหลัก 1,000 qubits อยู่ ซึ่งในอนาคตอันใกล้น่าจะมีคอมพิวเตอร์ควอนตัมอีกจำนวนหลายเครื่องทั่วโลก ที่มีความแม่นยำและความเร็วในการประมวลผลสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ภายในงาน Quantum Industry Day ยังมีเสวนาพิเศษที่ชวนพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันระหว่างคุณสัญญา จินดาประเสริฐ Digital Director จาก SCGC บริษัทเคมีภัณฑ์ในเครือของ SCG, ดร.ตฤณ ทวิธารานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจบริการดิจิทัล จากไปรษณีย์ไทย และธิดารัตน์ ฉิมหลวง กรรมการบริหาร สายงานที่ปรึกษาธุรกิจ จาก KPMG ประเทศไทย ซึ่งตัวแทนจากทั้ง 3 องค์กรผลัดกันเล่าประสบการณ์การนำ AI มาใช้ในองค์กร โดยมีการใช้เพื่อบริหารจัดการข้อมูลที่ซับซ้อน การคาดการณ์เพื่อการบำรุงรักษา การเพิ่มประสิทธิภาพจากการจำลองการผลิต ซึ่งการนำ AI มาปรับใช้ในองค์กรถือเป็นจุดเริ่มต้นในการเตรียมความพร้อมการมาถึงของเทคโนโลยีควอนตัม ที่จะทำให้ AI ทำงานได้อย่างทรงประสิทธิภาพมากขึ้นในฐานะสมองส่วนที่ 3 ของ AI
ข้อควรรู้จากการรับมือกับเทคโนโลยีควอนตัม
ความเร็วและความแม่นยำในการคำนวณของคอมพิวเตอร์ควอนตัมไม่ได้เป็นเพียงแค่ข้อดี เพราะความสามารถที่สูงส่งของเทคโนโลยีนี้ หากตกไปอยู่ในมือของผู้ที่ไม่ประสงค์ดี อย่างเช่น แฮ็กเกอร์ อาจทำให้เกิดการคุกคามที่อันตรายกว่าเดิมได้ เพราะจากปกติที่การถอดรหัสความปลอดภัย ไม่ว่าจะข้อมูลความเป็นส่วนตัว หรือการเงิน ที่ถูกคาดการณ์ว่าต้องใช้เวลาในการถอดรหัสหลักล้านปี เมื่อใช้คอมพิวเตอร์ควอนตัมในการถอดรหัสอาจเหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น นอกเหนือจากการพัฒนาความเร็วและความแม่นยำของคอมพิวเตอร์ควอนตัมแล้ว ก็ยังมีเทคโนโลยีควอนตัมอื่น ๆ อย่างเช่น เทคโนโลยีการเข้ารหัสเชิงควอนตัมที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เพื่อความปลอดภัยในการเก็บข้อมูลสำคัญของทุกคน
อีกส่วนที่ถูกเน้นย้ำหลายครั้งในการเสวนาครั้งนี้คือการให้ความสำคัญกับการร่วมมือกัน โดยคุณอโณทัยได้กล่าวว่า IBM ไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีทั้งหมดที่เล่ามาได้ถ้าปราศจากความก้าวหน้าของบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ด้วย เพราะฉะนั้นการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมจึงทำเพียงลำพังไม่ได้ แต่ต้องสร้างระบบนิเวศที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนา ซึ่งตรงกับคำกล่าวของคุณ Nardo ที่สนับสนุนให้มีการสร้างระบบนิเวศที่ดี จะทำให้การพัฒนาเทคโนโลยีเติบโตพร้อมกันทั้งระบบ รวมถึงคุณวิเชฐ ตันติวานิช ประธานกรรมการบริษัท ไทยแอร์เอเชีย ที่มองเห็นและยืนยันว่าการร่วมมือกันสำคัญที่สุดในการรับมือกับเทคโนโลยีที่ทุกวันนี้เรายังไม่รู้จักมันดีพอ
การรับมือกับเทคโนโลยีใหม่ที่ดีคือการทำความรู้จักมันให้ดียิ่งขึ้น และจะดีมากกว่าถ้าหากว่าเราได้รู้จักทั้งเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนา และรู้จักระบบนิเวศที่กำลังจะใช้งานเทคโนโลยีแบบเดียวกันในอนาคต ซึ่งจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน และพัฒนาการใช้งานเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพไปพร้อม ๆ กัน