ผู้นำฝ่ายค้านเยี่ยม ชรบ.ทับทิมสยาม โอดขาดแคลนกระสุน
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 19 สิงหาคม 2568 เวลา 21.05 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทศรีสะเกษ 19 ส.ค.- “ผู้นำฝ่ายค้าน” ตรวจเยี่ยม ชรบ.ทับทิมสยาม หมู่บ้านติดชายแดน “ผู้ใหญ่บ้าน” บอกไม่กลัวปืนใหญ่ แต่กลัว “กัมพูชา” บุก เหตุสมัย “เขมรแดง” เคยเข้ามาปล้นแล้ว โอดขาดแคลนกระสุน บางหมู่บ้านได้ 20-40 นัด ด้าน “เท้ง” นับถือใจ เปรียบเทียบนักการเมืองยังได้เงิน ยก พวกท่านเสียสละ ขณะ “วิโรจน์” รับเรื่องอาวุธเป็นการบ้านให้ ลั่น ชรบ.สำคัญ ไก่ก็ต้องเฝ้า หมูก็ต้องดู ผู้ติดยาก็ต้องระวัง เขมรก็ต้องดู
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร นำคณะ สส. ลงพื้นที่หมู่บ้านทับทิมสยาม 07 ตำบลบักดอง อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อรับฟังความเห็น และสถานการณ์ในพื้นที่จากชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)
โดย ชรบ.ในพื้นที่นี้ประกอบไปด้วย 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลบักดอง ตำบลกันทรอม และตำบลห้วยจันทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยเป็นศูนย์อพยพสมัยสงครามเขมรแดง ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เสี่ยงต่อการที่ฝั่งกัมพูชาบุกเข้ามา
ช่วงต้นของเวทีรับฟังปัญหา นางสายสมร บุตรพา ผู้ใหญ่บ้านทับทิมสยาม กล่าวว่า พวกเราทำมาโดยตลอดในเรื่องการปราบปราม ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์แทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอน บางหมู่บ้านพอเกิดเหตุการณ์ขึ้น ทุกคนอพยพออกไป หลายท่านละทิ้งบ้าน ต้องไปอาศัยอยู่กับญาติ ต้องไปให้ไกล มีศูนย์พักพิงที่ไหนที่สามารถดูแลได้ก็ไป ด้วยกำลังของพวกเราที่ต้องดูแลลาดตระเวน ตรวจรถเข้าออก คนแปลกหน้า เพราะพื้นที่ของเราเป็นจุดเสี่ยงอย่างมาก เพราะห่างจากกัมพูชาไม่ไกล สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคืออาวุธปืน อยากได้อาวุธปืนใหม่ที่ทันสมัย รวมถึงลูกกระสุนปืนที่ให้ครบถ้วน ตอนนี้บางหมู่บ้านให้ 20 นัด บางหมู่บ้าน 40 นัด ซึ่งไม่เพียงพอ
“ในห้วงของการเกิดศึกสงครามในประเทศกัมพูชา ในช่วงเขมรแดง เขาเข้ามาปล้นที่นี่ มาปล้นพี่น้องทับทิมสยาม ถ้าพูดไปสิ่งที่ไม่กลัวคือปืนใหญ่ แต่เรากลัวเขมรจะบุกเข้ามา เพราะตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายเขมรแดง ที่มีปัญหากันกับประเทศเขา แต่เป็นฝั่งเราและกัมพูชาที่มีปัญหากัน ถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา ทางชุด ชรบ.ซึ่งทำงานลาดตระเวน เปลี่ยนเวรกัน จะต้องใช้ส่วนนี้เป็นสิ่งกำบัง” นางสายสมร กล่าว
นางสายสมร กล่าวต่อว่า เราต้องการค่าตอบแทน เนื่องจากเราไม่มีสวัสดิการ เราเป็นจิตอาสา ชุดเราก็ซื้อกันเอง ต้องใส่เพื่อความภาคภูมิใจ ใส่ไปเหมือนมีพลัง ทำให้พวกเราเกิดพลังที่จะต้องดูแลปกป้องผู้อื่นแผ่นดินไทย ชรบ. เราเกิดมาเพื่อทดแทนคุณแผ่นดิน เป็นจิตอาสาตัวจริง ยิ่งเราเป็นหมู่บ้านชั้นใน ใกล้ชายแดนยิ่งหนัก เพราะไม่มีใครมองเห็นความเป็นอยู่ยากลำบาก สิ่งที่เราได้กินได้อยู่นั้นเราได้มาจากประชาชนด้วยกันเอง ได้ M150 มาม่า ปลากระป๋อง ให้พวกเราบ้าง เราขยับไปไหนไม่ได้ เราถอยไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว เราต้องดูแลทรัพย์สินให้กับประชาชน อยากให้ท่านเป็นตัวแทนให้พวกเราที่ทำงาน ไม่หวังอะไร แต่วันนี้ท่านมาเห็นแล้วว่าพวกเราอยู่อย่างไร ทุกหมู่บ้านแนวตะเข็บถือเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์
ขณะที่ ชรบ. ส่วนใหญ่กล่าวว่า กระสุนปืนที่ใช้ลาดตระเวนมีไม่เพียงพอ บางหมู่บ้านได้เพียง 20-40 นัด นอกจากนี้ ในหมู่บ้านก็มีผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติด ที่ทำร้ายร่างกาย ชรบ. ด้วยตนทราบว่ามีเงินเยียวยา มีสวัสดิการ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่ อย่าดูแลพวกเราตอนถึงปลายทางแล้ว หรือตอนสงบแล้ว เราไม่ได้กลัวแค่กัมพูชา ในระหว่างที่เราปฏิบัติหน้าที่ผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่
“ของเราเยอะมาก 157,000 เม็ด เป็นโอทอปบ้านดิฉันเองค่ะ แค่ระวังผู้ป่วยติดยาก็ลำบากแล้ว อยากจะสะท้อนตรงนี้ว่า ชรบ. ไม่ได้ป้องกันภัยสงคราม แต่ทำงานทุกอย่าง นอกจากนี้ยังกังวลเรื่องกลุ่มลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและสายข่าวฝั่งกัมพูชาด้วย” ชรบ. กล่าว
ด้านนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า วันพฤหัสบดีนี้ (21 ส.ค.68) ตนจะเอาข้อเสนอต่างๆ ไปตั้งกระทู้ถามสดในสภา ถ้าวันนี้ตนไม่มาที่นี่ไม่ได้มาฟังปัญหาจริงๆ อาจจะไม่ได้เข้าอกเข้าใจในเชิงลึก
“หลายคนบอกว่าตัวเองเป็นจิตอาสา แต่ผมคิดว่าท่านทำมากกว่าจิตอาสา คือเสียสละ ผมเป็นนักการเมือง เราทุกคนพูดว่าเราอาสามาทำงานการเมือง เพราะพวกเราไม่มีใครบังคับ แต่พวกผมได้รับเงินเดือนจากภาษีประชาชน เพราะฉะนั้น ผมไม่เคยบอกว่าพวกผมเสียสละเพื่อส่วนรวม แต่อาสามาทำงานเพื่อส่วนรวม แต่ผมนับถือใจพวกท่านในการป้องกันประเทศ” นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า โจทย์ของพวกเราเห็นตรงกันว่าจะทำอย่างไรให้ทุกท่านไม่เสียสละจนเกินตัว เราทำเท่าที่เราพอจะทำได้ คนละเล็กละน้อยช่วยกันปกป้องประเทศ ปกป้องหมู่บ้านของเราให้ดีที่สุด เรื่องเงินเยียวยาหรือมาตรการในการช่วยเหลือ ทุกท่านในที่นี้ก็เป็นประชาชนเช่นเดียวกัน สิ่งที่ตกผลึกมาแล้วระดับหนึ่งในการลงพื้นที่ ตนคิดว่าสิ่งที่เป็นมาตรการตอบโจทย์คือเรื่องเงินเยียวยารายครัวเรือน งบประมาณบางส่วนบางที่ลงมาไม่ถึงประชาชน บางครั้งรัฐบาลประกาศมาตรการลงมาแล้ว แต่ยังไม่มีความชัดเจนในการปฏิบัติในแต่ละพื้นที่ ทำให้เห็นว่าการออกมาตรการส่วนกลางเป็นสิ่งที่ดี แต่บางทีมีปัญหาในระดับปฏิบัติ
ขณะที่นายวิโรจน์ กล่าวว่า ทางรัฐบาลมีความคิดจะเอาเรื่องการสนับสนุนการทำงานของ ชรบ. เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถือเป็นการติดกระดุมเม็ดแรก ซึ่ง ชรบ.มีความสำคัญอย่างมาก ทำให้ชาวบ้านพร้อมอพยพ เพราะคนที่ไว้วางใจเฝ้าบ้านให้
“ไก่ก็ต้องเฝ้า หมูก็ต้องดู ผู้ติดยาก็ต้องระวัง เขมรก็ต้องดู แล้วยังมีโดรนอีก ผมว่ามีความสำคัญอย่างมาก เดี๋ยววันพฤหัสนี้จะถามว่าจะมีมติคณะรัฐมนตรีออกมาเมื่อไหร่” นายวิโรจน์ กล่าว
ส่วนเรื่องกระสุนปืน นายวิโรจน์ กล่าวว่า ถ้าปืนไม่มีลูก แล้วจะพกไปทำไม ตนขอแจ้งงบประมาณปี 2569 อนุมัติให้ซื้ออาวุธกระสุนปืนและเสื้อเกราะให้กับกระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ตนเข้าใจว่าจะมีการจัดสรรให้ ชรบ.ส่วนหนึ่ง
“แต่ผมกลัวระบบการจัดสรรแบบหารยาวให้ทุกหน่วย ซึ่งจริงๆแล้วต้องให้ในหน่วยที่มีมีความจำเป็นอย่างมาก ผมคิดว่าหน่วยนี้เป็นหน่วยที่จำเป็นสูงสุด เดี๋ยวผมจะติดตาม เรากลัวโจรจะมาปล้นชาวบ้านด้วย ดังนั้นอาวุธต่างๆมีความจำเป็นเราจะรับเป็นการบ้านในเรื่องนี้ให้” นายวิโรจน์ กล่าว.-312 -สำนักข่าวไทย