ไทยลีก กับก้าวเดินของสโมสรจังหวัดที่ค่อยๆ เติบโต!?
และนี่คือ 3 ช่วงเวลาที่ 'ก้าวเดินของสโมสรท้องถิ่น' ค่อยๆ เติบโตจนเปลี่ยนโฉมหน้า ไทยลีก ไปตลอดกาล!!
[ 1 ] ยุคเริ่มต้นจากทีมองค์กร
ฤดูกาล 2007 ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการยกระดับฟุตบอลลีกในประเทศไทย สู่ความเป็นมืออาชีพ ด้วยการจัดตั้งระบบลีกที่เป็นทางการมากขึ้น มีการจัดการแข่งขันอย่างต่อเนื่องภายใต้ชื่อ 'ไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก'
โดยในปีนั้นมีทีมจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลถึง 11 จาก 16 ทีม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทีมองค์กร เช่น ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงเทพ, ทหารบก, การท่าเรือแห่งประเทศไทย, โอสถสภา เอ็ม-150, การไฟฟ้าแห่งประเทศไทย, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, โรงงานยาสูบ, ตำรวจ รวมไปถึง ราชนาวี
ขณะเดียวกัน สโมสรจากต่างจังหวัดยังมีเพียงหยิบมือ เช่น ชลบุรี เอฟซี, สุพรรณบุรี เอฟซี และ นครปฐม เอฟซี เท่านั้น
เท่ากับว่าข้อจำกัดสำหรับฟุตบอลอาชีพก็ยังถูกขีดในวงแคบๆ ของเมืองหลวงเช่นเดิม
การที่ ชลบุรี คว้าแชมป์ ไทยแลนด์ พรีเมียร์ลีก 2007 คือการสร้าง 'ปรากฏการณ์' และบรรทัดฐานใหม่ เพราะพวกเขาคือทีมต่างจังหวัดที่อาจหาญท้าทายอำนาจของบรรดาขาใหญ่ตัวจริง
ฉลามชลได้สร้างจุดประกายให้สโมสรท้องถิ่นในพื้นอื่นๆ เริ่มหันมาลงทุนกับกีฬาฟุตบอลมากยิ่งขึ้น
หลังจากนั้นในซีซั่น 2008 ต่อด้วย 2009 ก็เริ่มมีทีมจังหวัดที่เลื่อนชั้นเพิ่มมากขึ้น ไล่ตั้งแต่ สมุทรสงคราม เอฟซี รวมไปถึง โค้ก-บางพระ และ พัทยา ยูไนเต็ด ที่มีพื้นที่อยู่ในชลบุรี นั่นเอง
[ 2 ] เมืองทอง - บุรีรัมย์ สานสัมพันธ์สู่ความยิ่งใหญ่
การคว้าแชมป์ของ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่อาจจะเป็นสโมสรในเขตปริมณฑล ทว่าสิ่งที่กิเลนผยองได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับฟุตบอลไทย คือการบริหารงานแบบมืออาชีพ โดยใช้ 'การตลาด' เป็นตัวชี้นำ กระทั่งกระแสลูกหนังฟีเวอร์ถึงขีดสุด เพราะจำนวนผู้ชมแต่ละนัดเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แบบชัดเจน
นักเตะต่างชาติเกรด 'พรีเมียม' เริ่มทยอยสู่สยามประเทศ ซึ่งมันช่วยยกระดับมาตรฐานให้ลีกมีการแข่งขันที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม
นอกจาก เมืองทอง ยังมี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ขยับขยายแบบเต็มเหนี่ยว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสนามใหม่อย่าง ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม (ช้าง อารีน่า ในปัจจุบัน) ที่มาพร้อมความจุเกินกว่า 30,000 ที่นั่ง
ห้วงฤดูกาลระหว่าง 2009 - 2018 มีเพียงกิเลนผยองกับปราสาทสายฟ้าเท่านั้นที่ผลัดกันครองความเป็นจ้าวฟุตบอลไทย
อย่างไรก็ตาม จากกระแสลูกหนังที่เพิ่มพูน บวกด้วยความนิยมที่พวยพุ่ง ทำให้สโมสรต่างจังหวัดเริ่มแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ
2010 - ศรีสะเกษ เอฟซี
2011 - เชียงราย ยูไนเต็ด, ขอนแก่น เอฟซี
2012 - วัวชน ยูไนเต็ด (สงขลา ยูไนเต็ด)
2014 - ชัยนาท ฮอร์นบิลล์ เอฟซี
2016 - สุโขทัย เอฟซี, ราชบุรี เอฟซี, นครราชสีมา เอฟซี
2017 - อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด
2018 - ประจวบ เอฟซี
นี่คือการเติบโตของสโมสรท้องถิ่นที่เริ่มตื่นตัวกับฟุตบอลโดยแท้จริง
[ 3 ] สโมสรกรุงเทพฯ และปริมณฑลเริ่มร่อยหรอ - ทีมจังหวัดผงาดง้ำ
แม้จะมีเพียง เชียงราย ยูไนเต็ด กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เพียง 2 ทีม ที่สามารถล้ม บุรีรัมย์ ลงจากบัลลังก์จ้าวลูกหนังไทย ได้สำเร็จ แต่การเติบโตของทีมจังหวัดยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง
ฤดูกาล 2019 เชียงใหม่ เอฟซี กับ ตราด เอฟซี สามารถฝ่าด่านสู่ลีกสูงสุด ต่อด้วย ระยอง เอฟซี ในซีซั่น 2020-21
2021-22 - หนองบัว พิชญ เอฟซี
2022-23 - ลำปาง เอฟซี
2023-24 - อุทัยธานี เอฟซี และ ลำพูน วอร์ริเออร์ส
กระทั่งล่าสุด สดๆ ร้อนๆ กับ อยุธยา ยูไนเต็ด และ พลังกาญจน์ เอฟซี (กาญจนบุรี) ที่เลื่อนชั้นสู่ ไทยลีก ได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
สิ่งที่น่าสนใจคือ ฤดูกาล 2025-26 เหลือทีมกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพียง 4 ทีม เท่านั้น คือ แบงค็อก ยูไนเต็ด, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, เมืองทอง ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ เอฟซี
นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าความนิยมและการสนับสนุนฟุตบอลระดับท้องถิ่นขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงแค่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างลีกเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการเติบโตของ 'วัฒนธรรมเชียร์ฟุตบอลแบบท้องถิ่นนิยม' ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนจริงๆ ไม่ใช่แค่กิจกรรมยามว่างอีกต่อไป
จากยุคที่สนามศุภชลาศัยคือศูนย์กลางของฟุตบอลไทย สู่การที่สนามในต่างจังหวัดอย่าง ช้าง อารีน่า, ทะเลหลวง, สามอ่าว และอื่นๆ อีกมากมายที่ได้กลายเป็นเวทีแห่งความฝันของนักฟุตบอลไทย
วันนี้ ไทยลีก ได้พัฒนาจากลีกของหน่วยงานรัฐและทีมองค์กร สู่ลีกของชุมชนที่มีรากฐานในพื้นที่และแฟนฟุตบอลตัวจริง-เสียงจริงร้องเพลงเชียร์ทีมรักด้วยใจสมัครสมาน
หากแนวโน้มยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ผลประโยชน์ทั้งหมดย่อมขึ้นอยู่กับ 'ทีมชาติ' ที่มีความฝันว่าสักวันหนึ่ง ธงไตรรงค์ จะได้ไปโบกสะบัดใน เวิลด์ คัพ รอบสุดท้ายให้ได้สักครั้ง
เพราะฟุตบอลไทย ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง หากแต่เป็นของประชาชนคนลูกหนังทั้งประเทศนั่นเอง