สำรวจพืช ‘สมุนไพร เครื่องเทศป่า’ บันทึกธรรมชาติรหัสลับแห่งกลิ่นรส
ด้วยความหลากหลายของพรรณพืชของไทย โดยกว่าพันชนิดของพรรณพืชจากป่าได้นำมาเป็นอาหาร เครื่องเทศและนำมาเป็นยาสมุนไพร เป็นหนึ่งในข้อมูลจากส่วนแสดงสมุนไพรและเครื่องเทศป่าที่บอกเล่าไว้ใน นิทรรศการพฤกษศาสตร์ไทย (Thailand Botany Exhibition) นิทรรศการถาวรที่จัดแสดงภายในอาคารเรือนกระจก ณ อาคารหอพรรณไม้ โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช โดยกลุ่มงานพฤกษศาสตร์ป่าไม้พาท่องโลกความรู้ การศึกษาพรรณพืชในประเทศไทย พาย้อนประวัติการศึกษาพรรณไม้ เหตุการณ์สำคัญของกรมอุทยานฯและกรมป่าไม้ บุคคลสำคัญที่วางรากฐานและมีบทบาทต่อวงการพฤกษศาสตร์ไทย ตลอดจนความร่วมมือของนักพฤกษศาสตร์ไทยและต่างชาติในอดีตจนถึงปัจจุบัน
รวมถึงความสำคัญของงานพฤกษศาสตร์ต่อการพัฒนาประเทศ ฯลฯ ทั้งนี้ชวนตามรอยการศึกษาสำรวจสมุนไพร และเครื่องเทศป่า พร้อมชวนค้นเรื่องน่ารู้สมบัติจากธรรมชาติ การต่อยอดการใช้ประโยชน์และการดูแลรักษาอย่างยั่งยืน โดย มานพ ผู้พัฒน์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชให้ความรู้ในประเด็นนี้
“ ที่ผ่านมาเราศึกษาสำรวจอย่างต่อเนื่อง โดยพันธุ์ไม้ทั่วประเทศซึ่งมีกว่าหนึ่งหมื่นชนิดเป็นไม้พื้นเมืองของประเทศไทย และในระหว่างการสำรวจ กลุ่มงานพฤกษศาสตร์ป่าไม้มีภารกิจด้านอื่น ๆอีกร่วมด้วย โดยส่วนหนึ่งคือ การศึกษาการใช้ประโยชน์ ศึกษาสรรพคุณพืชสมุนไพร ทั้งการนำมาใช้ประโยชน์ในตำราแพทย์แผนไทย หรือแพทย์ทางเลือก หรือการใช้ประโยชน์ด้านอื่น ๆ โดยอาจนำมาเป็นอาหาร เป็นวัตถุดิบ หรือวัสดุในชีวิตประจำวัน ฯลฯ ซึ่งส่วนหนึ่งได้นำมาจัดแสดงในนิทรรศการฯ “
นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานพฤกษศาสตร์ป่าไม้ คุณมานพ อธิบายอีกว่า จากการศึกษาสำรวจพบการใช้ประโยชน์จากพันธุ์ไม้พื้นเมืองซึ่งมีอยู่มากและหากสำรวจอย่างต่อเนื่องในแต่ละท้องถิ่นอาจพบได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็คามเป็นที่น่าเสียดายสำหรับองค์ความรู้อาจสูญหายไปกับผู้รู้ในชุมชน รวมถึงด้วยความนิยมใช้ประโยชน์จากยาสมุนไพรลดน้อยลงก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง
ส่วนสมุนไพรเครื่องเทศที่รวบรวมไว้มีประมาณพันกว่าชนิดทั่วประเทศ เก็บเป็นฐานข้อมูลใช้ชื่อว่า พืชป่าสมุนไพร ด้วยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความถูกต้อง ให้ความชัดเจน เพื่อผู้ใช้ได้จำแนกเครื่องยาสมุนไพร และนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง และสำหรับการศึกษาสำรวจสมุนไพรและเครื่องเทศป่าในโครงการนี้ ที่ผ่านมาแบ่งทีมสำรวจพืชสมุนไพรในแต่ละภูมิภาค โดยสี่ภาคที่เป็นตัวแทน อย่าง ภาคเหนือ สำรวจที่จังหวัดพิษณุโลก ภาคอีสาน สำรวจที่อุดรธานี ภาคใต้ สำรวจที่พัทลุงและตรัง ส่วน ภาคกลาง สำรวจที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน
“จากการสำรวจครั้งนั้นได้ข้อมูลเกือบ 600 ชนิด โดยมีชนิดที่เป็นเครื่องยาสมุนไพร ตามตำรายาหมอพื้นบ้านเกือบ 200 ตำรับ ซึ่งจริง ๆ แล้วจะมีมากกว่านี้ แต่ด้วยมีความซ้ำกันบ้าง และที่สำคัญจะตรวจสอบได้ โดยเราใช้ทั้งองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ข้อมูลต่างๆนำมาประกอบ อย่างเช่น การใช้ของหมอสมุนไพรจากที่อื่น ๆ ที่ใช้คล้ายกัน ฯลฯ ตรวจสอบอย่างละเอียดจึงจะคัดเลือกขึ้นมาเผยแพร่”
ในภาพรวมของพืชสมุนไพรที่นำมาใช้ จะมีความคล้ายกัน มีที่แตกต่างกันไปบ้าง อย่างเช่น ภาคใต้ ขณะที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางจะคล้ายกัน ด้วยที่ระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อมคล้ายกัน การหยิบนำชนิดพืชมาใช้จะคล้ายกัน พืชสมุนไพรทางภาคใต้มีความหลากหลายอย่างเช่น กลุ่มขิง ข่า เช่น เร่ว กระวาน ฯลฯ และแม้พืชจะมีหลายชนิดให้เลือกแต่สรรพคุณจะคล้ายกัน นอกจากนี้ยังมีพืชในวงศ์ อบเชย โดยทางภาคใต้มีอบเชยท้องถิ่นอยู่หลายตัว เช่น อบเชยไทย ไอ้แหวง ฯลฯ เป็นอบเชยที่มีกลิ่น รสเป็นเอกลักษณ์
อบเชยไทย เป็นเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอม มีกลิ่นแรง แต่อย่างไรแล้วคุณภาพอบเชยจะขึ้นอยู่กับสถานที่ปลูก และอายุ โดยถ้าอบเชยมีอายุมาก จะมีกลิ่นแรง รสชาติหวาน เปลือกจะหนา ทั้งนี้ อบเชยไทยมีศักยภาพ มีความน่าสนใจในการนำไปพัฒนา นำมาปลูกป้อนสู่ตลาดผู้บริโภคในประเทศไทยหรือต่างประเทศ การพึ่งพาจากป่าเพียงอย่างเดียวจึงอาจไม่เพียงพอ
คุณมานพ อธิบายอีกว่า อบเชยเป็นไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงถึง 15-20 เมตร ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ทั้งในด้านการแพทย์แผนไทยและการปรุงอาหาร และด้วยที่สมุนไพร เครื่องเทศที่มีอยู่มาก ในความต่างกันจึงอยู่ที่วัตถุประสงค์ในการใช้ประโยชน์
สมุนไพรจะใช้ในการรักษาความเจ็บป่วย บำรุงร่างกาย ขณะที่เครื่องเทศนำมาใช้ในเรื่องของอาหาร แต่งสี ปรุงกลิ่น และรสชาติ แต่อย่างไรก็ตามทั้งสมุนไพรและเครื่องเทศมักใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างเช่น เครื่องเทศหลายตัวก็มีคุณสมบัติที่เป็นสมุนไพร อย่างที่กล่าวเห็นได้ชัดเจนจาก“อบเชย”
“เครื่องเทศครัวไทยที่คุ้นเคยกัน ส่วนใหญ่เป็นพืชป่า แต่เมื่อมีการนำมาใช้ประโยชน์กันเยอะ ก็มีการนำมาปลูก เพื่อป้อนสู่ตลาดให้มีความเพียงพอ แต่ในความเป็นเครื่องเทศครัวไทย ซึ่งก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่นำมาจัดแสดง จะมีทั้งที่เป็นเครื่องเทศไทยและต่างประเทศ อย่างเช่น เครื่องเทศไทยจะมี กระวานไทย อบเชยไทย ส่วนขมิ้น ดีปลี พริกไทย ไม่ใช่ไม้ไทย แต่เป็นไม้ที่เข้ามาสู่วัฒนธรรมไทยมายาวนาน ผสมผสานเข้ากับเครื่องเทศที่มีอยู่ อย่างเช่น กระวานก็จะมีทั้ง “กระวานเทศ” และ“กระวานไทย”
นอกจากนี้เครื่องเทศที่มีเมล็ดเล็กๆอย่าง เทียนข้าวเปลือก เทียนตาตั๊กแตน ฯลฯ เป็นพืชในตระกูลผักชี ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่ในเขตอากาศหนาว โดยวัฒนธรรมเครื่องเทศมีการเดินทาง มีการแลกเปลี่ยนกันมายาวนานเป็นเรื่องที่น่าสนใจ น่าศึกษาหลายมิติ อย่างเช่นโป๊ยกั้ก มีสรรพคุณเด่นหลายด้าน ทั้งนำมาเพิ่มรสชาติอาหารหลากหลายเมนู เป็นอีกหนึ่งเครื่องเทศในครัวไทย หรือแม้แต่ อาหารประเภทแกง ก็มีเครื่องเทศสมุนไพรหลากหลาย อย่าง แกงเลียง แกงไทยที่อุดมไปด้วยพืชผักสมุนไพร แกงมัสมั่น ใส่ลูกผักชี ลูกกระวาน ฯลฯ โดยในส่วนนี้ก็นำตัวอย่างเครื่องเทศจัดแสดง ซึ่งจะเห็นถึงความหลากหลายของเครื่องเทศ เห็นถึงการผสมผสานของวัฒนธรรมเครื่องเทศ การประยุกต์ใช้ตามความชอบ ความเหมาะสม ที่ทำเกิดเป็นเอกลักษณ์ของอาหาร ของแต่ละประเทศ ฯลฯ
“นิทรรศการฯ ครั้งนี้จากที่กล่าวมีหลายตู้จัดแสดง โดยในส่วนสมุนไพร และเครื่องเทศป่า บอกเล่าการศึกษาสำรวจ การเดินทางของเครื่องเทศสมุนไพรทั้งในผืนป่า ในท้องถิ่น รวมถึงจากวัฒนธรรมต่างถิ่น โดยนำมาแสดงร่วมกัน บอกเล่าถึงความหลากหลายในความเป็นสมุนไพร และเครื่องเทศ และการนำมาใช้ประโยชน์ในมิติต่าง ๆ” อย่างเช่น เถาวัลย์ หนึ่งในตัวอย่างที่นำมาแสดง จะนำมาสไลซ์ให้เห็นเนื้อเยื่อ เพื่อให้ผู้ที่ศึกษาสมุนไพรเห็นรายละเอียดและเลือกนำมาใช้อย่างถูกต้อง ด้วยที่หลายชนิดมีความคล้ายคลึงกัน อย่างเช่น กำแพงเจ็ดชั้น จะตัด แสดงให้เห็นลักษณะเนื้อไม้ ขณะเดียวกันจะมีคิวอาร์โค้ดให้สแกน ค้นอ่านข้อมูล ทำความรู้จักกับสมุนไพรต่าง ๆ เพิ่มอีกด้วย”
ด้วยที่สมุนไพรเครื่องเทศมีความโดดเด่นหลายมิติทั้งในด้านอาหารและการนำไปใช้ดูแลสุขภาพ การปลูกใช้ในบ้าน ปลูกไว้ในสวน หรือแม้แต่ในเขตเมืองยังช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียว ทั้งได้ผลผลิตที่สดใหม่ ปลอดภัยนำมาปรุงประกอบอาหาร เป็นอีกมิติการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรและเครื่องเทศ สมบัติธรรมชาติที่มีคุณค่า.
พงษ์พรรณ บุญเลิศ