แค่หมั่นไส้เฉยๆ ด.ญ. วัย 13 ชีวิตน่าสงสาร ยังถูกเพื่อนโรงเรียนเดียวกัน รุมทำร้ายสาหัส ยกมือไหว้แล้วก็ไม่ยอมหยุด ด้านแม่ร่ำไห้ ช่วยเหลือลูกไม่ได้ ส่วนผปค.กลุ่มคนก่อเหตุ ปัดความรับผิดชอบ

จากกรณีเพจคำปัง อุทัยแสง ได้โพสต์คลิปวีดีโอ เด็กหญิงรายหนึ่งโดนวัยรุ่นผู้หญิง 3 คนรุมทำร้ายร่างกาย พร้อมกับเขียนข้อความว่า ตีคักตีแน่ คนไม่มีทางสู้ ทั้งรุมทำร้าย ทั้งบังคับให้กราบตีน เพื่อนก็มีการส่งมีดให้ ไม่มีใครช่วยน้อง ทำร้ายจนสาแก่ใจมีขู่ #ว่าถ้าบอกทางบ้านจะทำร้ายให้เจ็บหนักกว่าเก่า พอถามหาสาเหตุว่าทำร้ายน้องทำไม ตอบมาว่า แค่เห็นแล้วหมั่นไส้หาที่ระบาย (เขาคงคิดว่าแม่น้องไม่สามารถปกป้องน้องได้) แต่ญาติพี่น้องจะไม่ยอม เห็นแต่คลิปคนอื่น ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง เด็กทุกวันนี้โหดร้ายขนาดนี้เลยเหรอ เห็นเลือดน้องเลอะแขน มีหัวเราะชอบใจ ซึ่งหลังจากที่คลิปดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไปแล้วนั้น ก็ได้มีคนเข้ามาวิพากย์วิจารณ์เป็นอย่างมาก

ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ผาสุก อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี เพื่อไปพบ ด.ญ. อ. (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี เด็กหญิงที่ถูกรุมทำร้ายร่างกายในคลิป ซึ่งแม่และญาติได้มานั่งเฝ้า ให้น้องนอนย่างไฟอยู่บนเตียงไม้ไผ่ ซึ่งเป็นความเชื่อของชาวอีสานว่า หากโดนทำร้ายร่างกายจนบอบช้ำ หรือช้ำใน ไม่มีบาดแผล ต้องนอนย่างให้เลือดที่คลั่งอยู่ละลาย จากการสอบถาม น้อง อ. บอกว่า โดนทำร้ายเจ็บที่ศีรษะ หน้าผาก ลำคอ โดนกระทืบหลังและหน้าอก หายใจไม่ออก

โดยเด็กหญิง เริ่มเล่าเหตุการณ์ว่า ตนอยู่บ้านหลังนี้กับแม่ 2 คน แม่มีอาชีพรับจ้างกรีดยาง และมีอาการป่วยจิตเวช ต้องกินยารักษาประจำ ตนเรียนอยู่ชั้น ม. 1 วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 16.00 น. วันศุกร์ ที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา ตนได้ไปเล่นกับเพื่อนที่บ้านดงสวรรค์ ต่อมา ได้มี ด.ญ. ต. (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ชั้น ม.2 ด.ญ. ฟ. (นามสมมุติ) เป็นสาวหล่อ อายุ 13 ปี ชั้น ม.1 และ ด.ญ. ก. (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ชั้น ม.1 โรงเรียนเดียวกัน ขี่รถจักรยานยนต์มา แล้วรุมทำร้ายตน ตนวิ่งหนีแล้ว แต่พวกเขาตามกระชากผมแล้วลากกลับมา ทั้งตบทั้ง ทั้งแตะ และกระทืบ จนปากแตกเลือดอาบ หายใจไม่ออก จนกระทั่งมีเพื่อนชื่อ ม. (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ถ่ายคลิปวีดีโอ และเข้ามาห้าม แต่ทั้ง 3 คนก็ไม่ยอมหยุด จากนั้น เพื่อนได้พาตนไปหาหมอที่คลินิกและโทรไปบอกแม่และญาติ ถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเขาทำร้ายตนทำไม เพราะทุกคนต่างก็รู้จักกันทั้งหมด ซึ่ง ด.ญ. ต บอกเพียงว่าหมั่นไส้ เลยมารุมทำร้าย

จากการสอบถาม ด.ญ. ม. ผู้อยู่ในเหตุการณ์ และเป็นผู้ถ่ายคลิป เล่าว่า ทุกคนเป็นเพื่อนกัน เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ก่อนเกิดเหตุ ด.ญ. ฟ. เป็นแฟนกับน้องดา แต่มีคนใส่ร้ายเล่าให้น้องดาฟังว่า ด.ญ. อ. ไปกอดกับ ด.ญ. ฟ. ทำให้น้องดาไม่พอใจ แต่ทั้งหมดก็เคลียร์และเข้าใจกันแล้ว วันเกิดเหตุ ทั้ง 3 คนและตนได้ไปหา ด.ญ. อ. ซึ่งตนไม่รู้ว่าพวกเขาจะไปทำร้าย ไปถึงพวกเขาก็เข้าไปรุมทำร้าย ตนจึงถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน ตนเข้าไปห้าม แต่ทั้ง 3 คนก็ไม่ยอมหยุด ตนเห็นน้องเลือดไหลก็สงสาร เข้าไปห้ามแต่ตนยังพลอยถูกลูกหลงไปด้วย หลังทำร้ายน้องจนหนำใจ ตนได้พาน้องไปหาหมอ และไปส่งบ้าน พร้อมกับส่งคลิปให้น้า ด.ญ. อ. เพื่อเป็นหลักฐานแจ้งความ เห็นสภาพตอนโดนรุมทำร้าย เลือดไหลกลบปาก รู้สึกสงสารมาก จนร้องไห้ตามเลย ก็ได้ถามกลุ่มที่ทำร้ายว่า ทำร้ายกันทำไม ไม่คิดถึงเวลาที่น้องพาไปที่นั่นที่นี่เหรอ เขาบอกว่าแค่หมั่นไส้เฉยๆ

ทางด้าน นางพรนภา อาย 35 ปี น้า ด.ญ. อ. เล่าว่า น้องโทรมาหาตน ร้องไห้บอกตนว่า โดนเพื่อนทำร้าย จึงถามหลานว่าทำไมถึงโดนทำร้าย ไปว่าอะไรให้ใคร เจ็บมากมั้ย เพราะนึกว่าตีกันธรรมดา หลานบอกว่าเลือดเต็มหน้าเลย ตนจึงบอกให้เพื่อนพาไปหาหมอก่อน แต่พอกลับมาถึงบ้านแล้วเห็นคลิปวีดีโอที่เพื่อนถ่ายไว้แล้วส่งมาให้ ก็รู้สึกโมโห เพราะหลานโดนรุมทำร้าย แบบไม่มีทางสู้เลย แถมมีเลือดไหลเต็มหน้า ตนร้องไห้สงสารหลาน จึงพาหลานไปโรงพยาบาล เสร็จแล้วก็พาไปแจ้งตำรวจ ซึ่งมี 1 ใน 3 ที่ทำร้ายน้องมาขอโทษ แต่ไม่ได้พาผู้ปกครองมาด้วย มาขอโทษเฉยๆ ไม่รับผิดชอบอะไร ทำแบบนี้ไม่ได้

วันต่อมา จึงได้ไปตามหาผู้ปกครองเด็กทั้ง 3 คนที่รุมทำร้ายน้อง เขาก็บอกว่าไม่รับผิดชอบ เพราะว่าไม่เงินทองจะไปรับผิดชอบ จะเอาเงินก็ไม่มี ลำพังจะหากินก็แทบไม่มี พอถามหาสาเหตุก็ไม่มีสาเหตุ แค่หมั่นไส้อยากทำร้ายเฉยๆ เห็นคลิปวีดีโอหลานถูกทำร้ายรู้สึกเจ็บใจ สงสารหลาน จะขอดำเนินคดีความจนถึงที่สุด ให้เป็นเคสตัวอย่าง ไม่ได้อยากเรียกร้องเอาเงิน เด็กก้าวร้าวแบบนี้ ไม่สมควรจะอยู่ในสังคม ส่วนชีวิตน้องเป็นเด็กน่าสงสาร พ่อเกิดอุบัติเหตุทำให้สติไม่ดี แยกไปอยู่กับญาติ ส่วนแม่ก็มีอาการทางจิตเวช ไปอยู่ที่ไหนก็โดนทำร้าย ต้องไปหาหมอกินยารักษาประจำ ตนเป็นน้องรู้สึกสงสารพี่สาวและหลาน จึงได้มาซื้อที่และทำบ้านให้พี่สาวและหลานอยู่ด้วยกัน 2 คน ซึ่งพี่สาวน้องก็มาเสียชีวิตเมื่อปี 67 พวกญาติๆ ก็จะช่วยกันหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ตามที่จะช่วยได้ ส่วนพี่สาวถ้าไม่มีอาการทางจิต กลางคืนก็จะไปรับจ้างกรีดยาง ได้เงินมาให้ลูกไปโรงเรียน ถ้ามีอาการกำเริบ ญาติก็จะพาไปหาหมอ ได้ยามากิน ก็จะนอนทั้งวัน ซึ่งน้องก็จะเฝ้าแม่ ทำให้ไม่ได้ไปโรงเรียน

ส่วน นางดาวน้อย อายุ 47 ปี แม่ ด.ญ. อ. ได้แต่นั่งร้องไห้สงสารลูกสาว อยู่ด้วยกัน 2 คน ตอนกลางคืนไปรับจ้างกรีดยาง ลูกก็นอนอยู่ในบ้านคนเดียว ได้เงินค่าจ้าง 200-300 บาท เอาไว้ให้ลูกไปโรงเรียน พอเห็นคลิปลูกโดนทำร้าย ก็รู้สึกเสียใจ เพราะตัวเองเป็นแบบนี้ เขาจึงรังแกลูก อยากให้ตำรวจดำเนินคดีเอาไปสถานพินิจ อย่าให้มาทำความรุนแรงกับน้องอีก อยากขอร้องว่า อย่าทำน้องโอปออีก เพราะแม่เสียใจมาก ตนไม่ค่อยสบายอยากให้มีหน่วยงานมาช่วยดูแลส่งน้องเรียนหนังสือ ช่วยเหลือตนด้วย

ส่วนคู่กรณีที่รุมทำร้ายน้อง ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อเพื่อให้ชี้แจงกรณีดังกล่าว ปรากฎว่าปิดโทรศัพท์มือถือ ทำให้ติอต่อไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ต่อมา พ.ต.ท.กิตติ์ทัพพ์ อาชีวะนันท์ สว.(สอบสวน) สภ.วังสามหมอ ได้มารับ ด.ญ. อ. และผู้ปกครอง ไปสอบสวนปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวจังหวัดอุดรธานี รายงาน