ไม่ต้องพูดเก่ง แค่มีทักษะผู้ฟังที่ดี ก็เติบโตก้าวหน้าในอาชีพ
รู้หรือไม่? แค่ตั้งใจฟัง ก็เปลี่ยนอนาคตการงานได้ ผู้เชี่ยวชาญฮาร์วาร์ดชี้ “การเป็นผู้ฟังที่ดี” และฟังอย่างตั้งใจ คือทักษะลับที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้กัน ทั้งๆ ที่มันช่วยให้ดูฉลาดและน่าเชื่อถือมากขึ้นในที่ทำงาน ซึ่งการฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening) ไม่ใช่แค่การพยักหน้าหรือสบตา แต่คือการแสดงออกว่าคุณกำลังมีส่วนร่วมกับบทสนทนาอย่างแท้จริง
ศาสตราจารย์แอลิสัน วูด บรูคส์ (Alison Wood Brooks) จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอธิบายว่า ลักษณะการฟังที่บ่งบอกถถึงสกิล Active Listening ได้แก่ หลังจากฟังแล้ว มักจะมีการตั้งคำถามต่อ หรือการทวนสิ่งที่อีกฝ่ายพูดกลับไปให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งเป็นทักษะที่ช่วยให้คุณกลายเป็นคนที่น่าเชื่อถือ มีอิทธิพล และได้รับการยอมรับในที่ทำงานได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ศาสตราจารย์บรูคส์ เป็นผู้สอนวิชา "How to talk gooder in business and life" ในหลักสูตร MBA ของฮาร์วาร์ด เธอเน้นว่า คนที่สนทนาเก่งและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ไม่ใช่คนที่เอาแต่พูดๆ และพูดอย่างเดียว แต่พวกเขามักจะ “ฟังอย่างลึกซึ้งและต่อยอดคำตอบด้วยคำถามใหม่”
“ฉันยกให้ทักษะการฟังแบบนี้ว่าเป็น ท่าไม้ตายระดับซูเปอร์ฮีโร่ น่าเสียดายที่มีคนเพียงน้อยนิดที่ทำแบบนี้เป็น หากคุณอยากเป็นผู้ฟังที่ดี คุณควรแสดงออกว่ากำลังฟังอยู่ ด้วยการพูดมันออกมาดังๆ” ศาสตราจารย์บรูคส์ เน้นย้ำ
เป็นผู้ฟังที่ดีในที่ทำงาน มีชัยใกล้ความสำเร็จไปกว่าครึ่ง!
การตั้งใจฟังผู้อื่น ไม่เพียงช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แต่ยังเป็นการแสดงให้หัวหน้าและเพื่อนร่วมงานเห็นถึงความใส่ใจ ความสามารถในทักษะซอฟต์สกิล และความตั้งใจจริงในการทำงาน โดยเฉพาะเมื่อต้องประชุมหรือต้องคุยงานแบบตัวต่อตัว การถามคำถามต่อยอดบทสนทนา หรืออ้างอิงถึงเรื่องที่เคยพูดกันไว้ก่อนหน้านี้ ยังช่วยสร้างความไว้วางใจ และทำให้คุณดูมีความสามารถและฉลาดมากขึ้นในสายตาเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ
ยืนยันจากงานวิจัยในปี 2017 ที่ศาสตราจารย์บรูคส์ร่วมเขียนขึ้น ซึ่งได้วิเคราะห์บทสนทนาในสถานที่ทำงานกว่า 2,000 ครั้ง และพบว่า คนที่ถามคำถามต่อจากบทสนทนา มักจะดูน่าคบหามากกว่า ซึ่ง “ความน่าคบหา” นี้มีความเชื่อมโยงกับการได้รับผลประเมินงานที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน
“ไม่ว่าคุณจะทำงานอะไร คุณก็ต้องคุยงานกับคนอื่นๆ หลากหลายทีม หรือในทีมเดียวกันเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงตามเป้า ไม่ใช่แค่นั้น คนเรายังต้องคุยกับคนอื่นเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิตอีกด้วย” เธอ อธิบายเพิ่มเติม
ฟังให้เก่ง ถามให้เป็น แล้วจะก้าวหน้าเติบโตในอาชีพ
แมตต์ อับราฮัมส์ (Matt Abrahams) อาจารย์ด้านการสื่อสาร จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ให้สัมภาษณ์ผ่าน CNBC Make It ว่า การตั้งคำถามอย่างมีชั้นเชิงแสดงให้เห็นว่า คุณใส่ใจ คุณมีความเห็นอกเห็นใจ คุณอยากเรียนรู้ และในบางครั้ง ก็เป็นการยอมรับว่าคุณไม่ได้รู้ทุกอย่าง ซึ่งทั้งหมดนี้คือ “คุณสมบัติอันทรงคุณค่า” หากคุณอยากเติบโตในสายอาชีพหรือสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้น
ด้าน โรเบิร์ต บิสวาส-ดีเนอร์ (Robert Biswas-Diener) นักจิตวิทยา ผู้ร่วมเขียนหนังสือ Radical Listening: The Art of True Connection ที่เพิ่งวางแผงในปี 2025 ก็กล่าวในทำนองเดียวกันว่า ทุกคนสามารถฝึกฝนให้เป็นผู้ฟังที่ดียิ่งขึ้นได้ ด้วยการสังเกตว่าอีกฝ่ายสนใจเรื่องอะไร และถามคำถามเพื่อต่อยอดประเด็นนั้น
“การตั้งใจฟัง แล้วโต้ตอบด้วยคำถามต่อยอดบทสนทนา คือเครื่องมือทรงพลังที่สุดในการฟัง เพราะมันเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายพูดมากขึ้น และยังชี้นำทิศทางของบทสนทนาได้” บิสวาส-ดีเนอร์ สรุปความสำคัญของทักษะการฟังที่ดี
3 ข้อควรระวัง การตั้งคำถามเพื่อบทสนทนาที่ดี อย่าถามแบบนี้!
สำหรับวัยทำงานที่อยากฝึกทักษะการฟังและการถามกลับให้ได้ประสิทธิภาพ ศาสตราจารย์บรูคส์ ได้มีข้อควรระวัง ที่สรุปจากหนังสือของเธอเรื่อง “Talk: The Science Of Conversation And The Art of Being Ourselves” ไว้ว่า คำถาม 3 ประเภทที่นักสนทนาที่ดีจะไม่ถาม ได้แก่
คำถามชงเองตบเอง (Boomerang questions):
ศาสตราจารย์บรูคส์ให้นิยามคำถามประเภทนี้ว่า คือการถามคำถามโดยมี "จุดประสงค์เดียวที่เห็นได้ชัด" คือการตอบคำถามนั้นด้วยตัวเอง หากคุณอยากจะแชร์เรื่องของตัวเอง ก็ควรพูดทัศนคติของตนออกไปตรงๆ เลย ดีกว่าที่จะพยายามซ่อนเจตนาที่แท้จริงเอาไว้
คำถามลองภูมิ (Gotcha questions):
คำถามประเภท "จับผิด" หรือ "ลองภูมิ" เป็นคำถามที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทดสอบความรู้ของอีกฝ่าย สมมติว่าเพื่อนร่วมงานกำลังพูดถึงซีรีส์เรื่องใหม่ที่เขาชอบ การตอบกลับแบบลองภูมิอาจจะเป็น "เหรอ? ได้ยินมาว่ามันไม่ค่อยดีเลยนะ แล้วชอบตรงไหนเหรอ?" แม้ว่าคำถามจะมาจากความสงสัยจริงๆ แต่ก็อาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนโดนคุกคามหรือท้าทายได้
คำถามซ้ำซาก (Repeated questions):
การถามถึงข้อมูลเดิมซ้ำไปซ้ำมา แม้จะเปลี่ยนวิธีการใช้คำพูด ก็สามารถสร้างความรู้สึกเป็นปรปักษ์หรือชวนหาเรื่องได้
แม้ว่าทักษะเหล่านี้ สำหรับบางคนอาจจะเก่งโดยธรรมชาติ แต่สำหรับคนที่ถามไม่เก่งก็เป็นไร คนเราเรียนรู้กันได้ และเช่นเดียวกับทักษะอื่นๆ เราสามารถเก่งขึ้นได้ด้วยการฝึกฝน เอาเป็นว่า ..หากคุณอยากเติบโตก้าวหน้าในที่ทำงานได้ไวกว่าใคร ลองเริ่มจากการฟังและฝึกถามต่อยอดให้ดีเสียก่อน เพราะบทสนทนาที่เปลี่ยนอนาคต มักเริ่มจากการตั้งใจฟัง และคนที่ฟังคนอื่นเป็นมักเป็นคนที่คนอื่นอยากเดินไปด้วยเสมอ
อ้างอิง: CNBC Make it, Havard Business School, ResearchGate, Alison Wood Brooks