กรมชลฯ เตือนพิษวิภา ทำน้ำอิง-น้ำน่าน ล้นตลิ่ง ทะลักเข้าเมือง สั่งอพยพ-ขนของขึ้นที่สูง
กรมชลฯ เตือนพิษวิภา ทำน้ำอิง-น้ำน่าน ล้นตลิ่ง ทะลักเข้าเมือง สั่งอพยพ-ขนของขึ้นที่สูง
วันที่ 23 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จ.น่านได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากอิทธิพลของพายุ “วิภา” ซึ่งส่งผลให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงในหลายอำเภอ โดยมีปริมาณฝนสะสมสูงสุดเกือบ 300 มิลลิเมตร และเกิน 200 มิลลิเมตรในพื้นที่ถึง 18 สถานีวัดปริมาณน้ำฝน ส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมฉับพลันอย่างรุนแรง
โดยเฉพาะในพื้นที่ อำเภอปัว ที่ บ้านปรางค์ หมู่ 7 ตำบลปัว เกิดน้ำท่วมอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนจำนวนมาก และพัดสะพานข้ามลำน้ำขว้าง ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ใช้เดินทางไปยัง บ้านร้อง จนขาด ทำให้การสัญจรถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง ประชาชนในพื้นที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
ขณะเดียวกันที่ อำเภอท่าวังผา สถานการณ์น้ำท่วมทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องใน 6 ตำบล ได้แก่ ตำบลท่าวังผา ริม ผาตอ ป่าคา ศรีภูมิ และตาลชุม โดยระดับน้ำในหลายจุดสูงกว่า 2 เมตร และได้ไหลทะลักขึ้นมาท่วมถนนสายหลักหมายเลข 101 (ท่าวังผา–ปัว) ส่งผลให้ไม่สามารถสัญจรผ่านไปได้ในขณะนี้
นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมเร่งระดมเจ้าหน้าที่และเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยเร่งด่วน พร้อมกำชับให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจขยายวงกว้างประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยโปรดติดตามประกาศจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และหลีกเลี่ยงการเดินทางในเส้นทางที่น้ำท่วมสูง ทั้งนี้ จังหวัดน่านจะเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกด้านอย่างเต็มกำลัง
ด้าน นายธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีการประชุมออนไลน์ไปยังสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อรับมือสถานการณ์พายุโซนร้อนกำลังแรง “วิภา” ที่ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน และภาคกลาง ด้านตะวันตกของประเทศไทย
ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในช่วงวันที่ 22-24 กรกฎาคม นี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงเตรียมความพร้อมทุกหน่วยงานในสังกัดทั้งส่วนกลางและภูมิภาค โดยในที่ประชุมกรมชลประทาน รายงานการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ คือ ได้ประเมินจุดน้ำล้นเพื่อรับมือและแก้ไขสถานการณ์ โดยพื้นที่ ที่เป็นจุดเสี่ยงและได้ประสานไปยังกระทรวงมหาดไทย ให้แจ้งเตือน คือในพื้นที่จังหวัดแพร่ และจังหวัดน่าน ที่ได้รับอิทธิพลจากพายุวิภา ส่งผลให้น้ำล้นตลิ่ง
นายธเนศร์ กล่าวว่า ทั้งนี้ยอมรับว่า กรมชลประทานได้มีการเตรียมความพร้อมโดยการพร่องน้ำ ก่อนที่จะมีพายุเข้ามา แต่เนื่องจากสถานการณ์น้ำมีปริมาณมาก ส่งผลให้รับไม่ไหว เช่น แม่น้ำอิง เนื่องจากน้ำเยอะ คาดว่า น้ำน่าน น่าจะล้นตลิ่งเข้าตัวเมืองน่านในคืนนี้ ส่วนเขื่อนขนาดใหญ่ ทั้งเขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนภูมิพล ยังสามารถรับน้ำได้อีกจำนวนมาก แต่กังวลในส่วนของเขื่อนขนาดกลางและขนาดเล็กในภาคเหนือและภาคอีสาน ต้องเฝ้าระวังน้ำล้นเขื่อน
“ต้องยอมรับสถานการณ์น้ำในภาคเหนือ จะเป็นแบบนี้เกือบทุกปี น้ำมาไว ไปไว และปีนี้ในพื้นที่จังหวัดน่าน น้ำน่าจะท่วมใกล้เคียงกับสถานการณ์ปี 2567 ที่อำเภอปัว จังหวัดน่านน้ำท่วมและมีการสังอพยพ ผ่านหอกระจายข่าวเรียบร้อยแล้ว ส่วนอำเภอเมือคืนนี้น้ำเข้าแน่ ซึ่งสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดน่าน จะมีน้ำล้นตลิ่งที่เมืองน่านวันนี้และคืนนี้ เข้าตัวเมืองและความสูงของน้ำน่าจะประมาณ ปี 2567 คือ 50 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร”นายธเนศร์ กล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : กรมชลฯ เตือนพิษวิภา ทำน้ำอิง-น้ำน่าน ล้นตลิ่ง ทะลักเข้าเมือง สั่งอพยพ-ขนของขึ้นที่สูง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th