เมียนมาประกาศกฎอัยการศึก 63 เมือง ที่ฝ่ายต้านยึดครอง ลุ้นเดินหน้าจัดเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2568 ที่ผ่านมา สำนักข่าว Irrawaddy ได้มีการรายงานข่าวว่า กองทัพเมียนมาประกาศใช้กฎอัยการศึก ครอบคลุม 63 เมืองจากทั้งหมด 330 เมืองทั่วประเทศ เพื่อรักษากฎหมายและความมั่นคงก่อนการเลือกตั้งที่วางกำหนดไว้ในเดือนธันวาคมปีนี้ หรือมกราคมปีหน้า
ตามการรายงานข่าว ระบุว่า เมืองที่ถูกประกาศกฎอัยการศึกส่วนใหญ่อยู่ในรัฐคะฉิ่น กะเหรี่ยง กะยา รักขิ่น ฉาน ชิน และในภูมิภาคสะกาย มัณฑะเลย์ และมะกเว โดยในจำนวนนี้ 46 เมืองอยู่ภายใต้การควบคุมโดยสมบูรณ์ของกองกำลังฝ่ายต้านรัฐบาล อีก 16 เมือง ทหารเมียนมาควบคุมได้เพียงตัวเมืองหลัก ส่วนพื้นที่ชนบทตกอยู่ในการครอบครองของฝ่ายต่อต้าน
แม้คณะกรรมการการเลือกตั้งของรัฐบาลทหารประกาศเมื่อเดือนมิถุนายนว่าจะจัดการเลือกตั้งใน 267 เมืองที่เหลือ แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่าพื้นที่ที่ประกาศกฎอัยการศึกหลายแห่งมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มสูงว่ารัฐบาลจะไม่สามารถควบคุมพื้นที่ได้ทันการเลือกตั้ง
การประกาศกฎอัยการศึกมีขึ้นเพียงไม่นาน หลังจากที่สภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติ (National Defense and Security Council-NDSC) ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพ มีมติ ยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่เคยบังคับใช้มาตั้งแต่วันรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 โดยระบุว่า เพื่อ เตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศ
ขณะที่วันเดียวกันยังเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ เมื่อทางสภาบริหารแห่งรัฐ (State Administration Council-SAC) ซึ่งเป็นรัฐบาลทหารภายหลังรัฐประหารปี 2564 ประกาศ ยุบตัวเอง และจัดตั้ง รัฐบาลสหภาพ (Union Government) ขึ้นมาแทน
โดยรัฐบาลสหภาพชุดใหม่จะนำโดยนายอู ญอ ซอ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการฯ นอกจากนั้น สภาบริหารแห่งรัฐยังมีมติยกเลิกคำสั่งที่เคยมอบอำนาจสูงสุดในการปกครองให้แก่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดด้วย
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเมียนมาเกิดขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนในประเทศที่ยังเผชิญกับการสู้รบอย่างรุนแรงระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังชาติพันธุ์และกองกำลังต่อต้านรัฐบาลทหารในหลายรัฐ โดยยังไม่มีการประกาศวันเลือกตั้งที่แน่ชัด ขณะที่ฝ่ายต่อต้านจำนวนมากแสดงความไม่เชื่อมั่นต่อแผนจัดเลือกตั้งของกองทัพ