โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

อย่าล้อเล่นกับวิกฤตศรัทธา

แนวหน้า

เผยแพร่ 26 มิ.ย. เวลา 17.00 น.

มาถึงวันนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้พ่อ ตัดสินใจเล่นเกมเสี่ยงอีกครั้ง กดปุ่มให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนลูก นั่งในตำแหน่งต่อไปโดยไม่นำพาต่อกระแสเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองจากกรณีคลิปเสียงหลุดขณะสนทนากับฮุนเซนในประเด็นปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

น.ส.แพทองธาร ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงคับขันที่สุดก็ว่าได้ ไม่เอาทั้งวิธีการลาออก หรือ ยุบสภา แต่กลับเลือกใช้การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โชว์ภาพผนึกกำลังกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ยกเว้นพรรคภูมิใจไทยพร้อมยกเหตุผลอยู่ต่อเพื่อแก้ปัญหาประชาชน-ปกป้องอธิปไตย หวังจะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสกอบกู้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา

อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้ว ทุกครั้งเมื่อมีการปรับคณะรัฐมนตรี ไม่ว่าปรับเล็ก หรือปรับใหญ่ มักจะมีกระแสตอบรับทางสังคมได้ในระดับหนึ่ง เป็นความหวังว่าน่าจะทำให้การแก้ไขปัญหาต่างๆดีขึ้นบ้าง แต่สำหรับการปรับคณะรัฐมนตรี “แพทองธาร1/2” หนนี้กลับได้สร้างความรู้สึกน่าวิตกกังวลลึกๆ ว่า จะซ้ำเติมวิกฤตทางการเมืองหรือไม่

ต้องยอมรับว่า กระแสมาแรงตอนนี้คือการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ซึ่งเป็นโอกาสและทางรอดที่น่าจะดีที่สุดแล้ว เนื่องจากจุดอ่อนคือตัวของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เองที่มีปัญหาเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาภาพรวมของประเทศในเรื่องต่างๆ ได้ อย่างเป็นรูปธรรม และสถานการณ์ตอนนี้ที่หนักที่สุดก็คือ ปัญหาภาวะผู้นำ

คำพูดในคลิปเสียงกับฮุนเซน ยังดังก้องอยู่ในหูคนไทยไม่จางหาย จากความเชื่อมั่นที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดก่อนหน้านี้ ใช้เวลาเพียง 17 นาทีเศษ ยิ่งตอกย้ำซ้ำเติมให้ดำดิ่งติดลบ กลายเป็นตัวตลกในสายตาคนไทยทันที ขณะที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็หมดความสง่างามลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ จนไม่เหลือความน่าเกรงขามอะไรอีกต่อไป

การปรับคณะรัฐมนตรี “แพทองธาร1/2”แม้จะลงตัวในสายตาผู้มีอำนาจ แต่สำหรับคนไทยและภาคส่วนต่างๆ แล้ว ไม่เชื่อมั่นว่าจะทำให้อะไรให้ดีขึ้นเพราะเมื่อส่วนหัวหมดความชอบธรรมแล้ว ส่วนหางจะไปเหลืออะไรให้ฝากผีฝากไข้ได้ การปรับครั้งนี้แค่ซื้อเวลากอดคอไปตายเอาดาบหน้าเท่านั้น จึงถูกตั้งคำถามอีกว่า รัฐบาลกำลังเอาชะตากรรมประเทศไปเสี่ยงหรือไม่

หากดูตามโผรายชื่อคณะรัฐมนตรีนั้น หลักๆล้วนเป็นคนเดิม แค่สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนเก้าอี้รัฐมนตรี มุ่งแบ่งปันผลประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าปัญหาวิกฤตชาติที่รุมเร้าจ่อคอหอยอยู่ในเวลานี้ โดยไม่คิดถึงความรู้สึกของชาวบ้านตาดำๆ ยิ่งตอกย้ำให้คนรู้สึกเบื่อหน่ายกับสันดานของนักการเมืองว่าแม้จะล่วงผ่านมากี่ยุคกี่สมัยก็ตามแต่ความอัปลักษณ์ทางการเมืองไม่เคยหมดไป

มิหนำซ้ำคราวนี้อาจจะหนักกว่าเดิม เพราะจากพฤติกรรมของ น.ส.แพทองธาร และพรรคร่วมรัฐบาลนั้น กำลังเป็นไปเพื่อความอยู่รอดตามสถานการณ์โดยไม่สนใจต่อเสียงเรียกร้องและไม่ยี่หระปัญหาวิกฤตศรัทธาผู้นำที่ได้หมดสิ้นลงไป ซึ่งคงไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้อีก จึงไม่แปลกที่สังคมกำลังรู้สึกถึงความมืดมนของประเทศ และกำลังดิ้นรนเพื่อหาทางออกกันเอง

ตลอดเวลา 9-10 เดือนบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถือว่าประเทศนี้ได้ให้โอกาสมาพอสมควรในการพิสูจน์ฝีมือและทำผลงานในฐานะผู้นำที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย แม้จะมีคำถามต่างๆ มากมายถึงการได้มาซึ่งตำแหน่งก็ตาม แต่ทุกคนก็อดทนที่จะเฝ้ารอดูให้เห็นกับตา

แต่ผ่านไปแค่ไม่ถึงขวบปีด้วยซ้ำ จากโอกาสที่เคยได้รับ ถูกทำให้กลายเป็นวิกฤต และกำลังจะพลิกให้เป็นวิบัติ ซึ่งยังไม่รู้จะไปจบลงตรงไหน หลังม็อบคณะรวมพลังแผ่นดินฯได้นัดลงถนนจุดพลุขับไล่ในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทั้งนี้ทั้งนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยังมีเวลาไตร่ตรองและคิดอ่านสถานการณ์ให้ดีว่า ควรล้อเล่นกับวิกฤตศรัทธาของประชาชนหรือไม่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...