2 สัปดาห์ต่อจากนี้ แห่งความคลาสสิกบนคอร์ตหญ้า!
ศึกแกรนด์สแลมบนคอร์ตหญ้าที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของสตรอว์เบอร์รีกับครีม, เสียงปรบมือของเหล่าแฟนเทนนิสผู้เคร่งครัด และชุดสีขาวสะอาดตาของผู้เล่น ล้วนเป็นมนต์เสน่ห์ที่ดึงดูดสายตาจากทั่วทุกมุมโลก
ฝั่งชาย : เมื่อตำนานยังไม่โรย และคลื่นลูกใหม่ยังคงก้าวขึ้นมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกครั้งที่พูดถึงวิมเบิลดัน ชื่อของ โนวัค ยอโควิช เจ้าของแชมป์รายการนี้ 7 สมัยจากเซอร์เบีย ยังคงเป็นตัวเต็งอันดับต้นๆ แม้เวลาจะผ่านไป แต่ประสบการณ์และความเฉียบคมของเขากับคอร์ตหญ้ายังคงน่าเกรงขาม การจะโค่น "โนเล่" บนสังเวียนที่เขาครองความเป็นเจ้ามาหลายสมัยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะด้วยสภาพร่างกายที่เริ่มโรยราลงไป ด้วยวัย 38 ปี แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส
ขณะเดียวกัน บรรดาคลื่นลูกใหม่ที่กำลังมาแรงอย่าง คาร์ลอส อัลคาราซ แชมป์เก่าที่สร้างความประทับใจเมื่อปีที่แล้ว และ ยานนิค ซินเนอร์ ที่พัฒนาฝีมืออย่างก้าวกระโดด ก็พร้อมแล้วที่จะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งบนพื้นหญ้าที่ต้องการทั้งพละกำลัง ความยืดหยุ่น และการปรับตัวที่รวดเร็ว หากทั้งคู่สามารถรักษาฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมได้อย่างต่อเนื่อง เราอาจได้เห็นคู่ชิงที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวิมเบิลดัน
นอกจากนี้ ยังมีผู้เล่นสายคอร์ตหญ้าธรรมชาติหลายคนที่สามารถสร้างเซอร์ไพรส์ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นนักเสิร์ฟหนัก หรือผู้เล่นที่มีเกมบุกเฉียบขาด ซึ่งอาจสอดแทรกขึ้นมาสร้างสีสัน และทำให้เส้นทางสู่รอบลึกๆ นั้นเข้มข้นยิ่งขึ้น
ฝั่งหญิง : ยุคแห่งการช่วงชิงบัลลังก์ที่ยังไร้ผู้ครอบครองถาวร
ประเภทหญิงเดี่ยวในวิมเบิลดันยังคงเป็นสนามที่เต็มไปด้วยความคาดเดาได้ยาก แชมป์เก่าอย่าง อีก้า ซิออนเท็ก มือ 5 ของโลกจากโปแลนด์ แต่ฟอร์มบนคอร์ตหญ้าของเธอก็ยังไม่ได้โดดเด่นเท่าบนคอร์ตดิน ทำให้โอกาสของนักเทนนิสคนอื่นๆ เปิดกว้าง ส่วนชื่อของ อารีน่า ซาบาเลนก้า มือ 1 ของโลกจากเบลารุส ที่มีพลังการตีมหาศาล และ เอเลน่า รีย์บาคิน่า อดีตแชมป์เมื่อปี 2022 จากคาซัคสถาน ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอเหมาะสมกับคอร์ตหญ้าเป็นอย่างยิ่ง จะเป็นสองคู่แข่งสำคัญที่น่าจับตา นอกจากนี้ยังมี 2 นักเทนนิสจากสหรัฐ โคโค่ กอฟฟ์ ที่พัฒนาเกมรอบด้าน และ เจสซิก้า เปกูล่า ซึ่งต่างก็กระหายในแชมป์แกรนด์สแลมแรกบนคอร์ตหญ้า
วิมเบิลดัน ในประเภทหญิงเดี่ยว จึงเป็นเหมือนการแข่งขันที่เปิดกว้างอย่างแท้จริง ใครที่สามารถคุมอารมณ์ ควบคุมเกมเสิร์ฟ และเล่นได้อย่างรัดกุมที่สุดในทุกแต้ม ย่อมมีสิทธิ์ที่จะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด ความคลาสสิกที่รอการจารึกบทใหม่ วิมเบิลดันไม่ใช่แค่การแข่งขันเทนนิส แต่คือประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน เป็นพื้นที่ที่นักกีฬาได้แสดงศักยภาพสูงสุด และสร้างเรื่องราวอันน่าจดจำ ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาเป็นอย่างไร ผู้ชมทั่วโลกก็จะได้สัมผัสกับเกมเทนนิสระดับโลกที่เต็มไปด้วยคุณภาพ ดราม่า และหัวใจของนักกีฬา
อีกหนึ่งเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของวิมเบิลดันที่แฟนเทนนิส ไม่ควรพลาดกับ อาหารสุดฮอต โดยเฉพาะ สตรอว์เบอร์รี่กับครีม ที่เป็นประเพณีหอมหวานแห่งวิมเบิลดัน เป็นเมนูที่เรียบง่ายแต่ทรงเสน่ห์นี้ได้กลายเป็น สัญลักษณ์ ของวิมเบิลดันมาอย่างยาวนานกว่าศตวรรษ การจับคู่กันของผลไม้สีแดงสดใสที่เก็บเกี่ยวสดใหม่ กับครีมนุ่มละมุนลิ้น ไม่ใช่เพียงแค่อาหาร แต่เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของการชมเทนนิสบนคอร์ตหญ้าแห่งนี้ ด้วยราคา 2.70 ปอนด์ หรือประมาณ 120 บาท ต่อ 1 ถ้วย
จุดเริ่มต้น ต้องย้อนกลับไปในช่วงที่การแข่งขันวิมเบิลดันเริ่มขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19 สตรอว์เบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่กำลังอยู่ใน ช่วงฤดูเก็บเกี่ยวสูงสุด ในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับการแข่งขันพอดี นอกจากนี้ยังเป็นผลไม้ที่หาซื้อง่ายและสามารถเสิร์ฟให้กับคนจำนวนมากได้อย่างไม่ยุ่งยากนักในยุคที่ยังไม่มีระบบทำความเย็นที่ทันสมัย การได้กินสตรอว์เบอร์รีสดใหม่จึงถือเป็น ความหรูหรา และเป็นสัญญาณของความเจริญรุ่งเรืองในหมู่ชนชั้นสูงที่มาร่วมงาน
ปริมาณที่น่าทึ่ง ด้วยความนิยมของสตรอว์เบอร์รีกับครีมนั้นเห็นได้จากปริมาณการบริโภคที่มหาศาลในแต่ละปี ระหว่างการแข่งขันสองสัปดาห์ จะมีการเสิร์ฟสตรอว์เบอร์รีหลายสิบตัน และครีมอีกหลายพันลิตร โดยสตรอว์เบอร์รี่ ที่ใช้จะถูกเก็บเกี่ยวสดๆ จากฟาร์มในประเทศอังกฤษ โดยเฉพาะจากเมืองเคนต์ และส่งตรงมายัง ออล อิงแลนด์ ลอน เทนนิส คลับ ในทุกๆ เช้าเพื่อให้มั่นใจในความสดใหม่และคุณภาพที่ดีที่สุด
สำหรับแฟนเทนนิสที่วิมเบิลดัน การได้ถือถ้วยสตรอว์เบอร์รีกับครีมในมือขณะชมการแข่งขันบนคอร์ตหญ้านั้นเป็นมากกว่าแค่การกินของว่าง แต่มันคือส่วนหนึ่งของการ ดื่มด่ำกับบรรยากาศ ความคลาสสิก และประเพณีที่สืบทอดกันมา นี่คือสิ่งที่ทำให้วิมเบิลดันแตกต่างจากแกรนด์สแลมอื่น ๆ และยังคงเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้มาสัมผัสด้วยตัวเอง
ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร สตรอว์เบอร์รีกับครีมยังคงเป็นของหวานที่อยู่คู่กับวิมเบิลดันตลอดไป เป็นเครื่องยืนยันว่าบางสิ่งที่เป็นอมตะ ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แต่สามารถสร้างความสุขและความทรงจำที่หอมหวานได้อย่างยั่งยืน สำหรับ 2 สัปดาห์แห่งความมันส์บนคอร์ตหญ้าอันเก่าแก่! ใครจะเป็นผู้จารึกชื่อลงในประวัติศาสตร์ของวิมเบิลดัน 2025 คงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดทุกแมตช์ทางช่อง SPOTV (689) และ SPOTV 2 (690)