UNOC ดันแผนอนุรักษ์มหาสมุทร จุดไฟความร่วมมือระดับโลก
เกือบหนึ่งศตวรรษให้หลัง ได้มีการพัฒนาก้าวหน้าไปมากมหาสมุทร เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจโลก ให้ทั้งอาหาร แรงงาน การขนส่ง การท่องเที่ยว และอีกมากมาย มันได้นำมาซึ่งการรักษาโรคที่มีแนวโน้มดี วิศวกรรมและหุ่นยนต์ที่ได้แรงบันดาลใจจากสัตว์ ไปจนถึงเทคโนโลยีที่เป็นพื้นฐานของการสำรวจอวกาศ
ด้วยแรงบันดาลใจจาก “ทศวรรษแห่งวิทยาศาสตร์ทางทะเลขององค์การสหประชาชาติ” ซึ่งเริ่มต้นในปี 2021 โดยมีเป้าหมายผลักดันการดำเนินการเป็นเวลา 10 ปี
นักวิจัยทางทะเล และผู้นำทางการเมืองทั่วโลกตั้งเป้าที่จะทำแผนที่พื้นสมุทรทั้งหมดและระบุสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ 100,000 สายพันธุ์ภายในปี 2030
การประชุมมหาสมุทรของสหประชาชาติ (UNOC)
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ประชาคมโลกก้าวหน้าในข้อผูกพันทางการเงินเพื่อการอนุรักษ์ การสนับสนุนให้หยุดการทำเหมืองใต้ทะเลลึก การขยายพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเล โดยเฉพาะ เฟรนช์โปลินีเซียซึ่งให้คำมั่นว่าจะปกป้องพื้นที่ทะเลขนาด 900,000 ตารางกิโลเมตร และสนธิสัญญาน่านน้ำทะเลหลวง (High Seas Treaty) เพื่อปกป้องสิ่งมีชีวิตทางทะเลในน่านน้ำสากล อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกมากที่ต้องค้นพบเกี่ยวกับมหาสมุทรและบทบาทในการหล่อเลี้ยงชีวิตทั้งหมดบนโลก รวมถึงอีกมากที่ต้องทำเพื่อปกป้อง
เพื่อสานต่อแรงผลักดันจาก UNOC การอนุรักษ์มหาสมุทร ผ่านพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเลที่เข้มแข็งและมาตรการอื่น ๆ จะต้องเดินหน้าควบคู่ไปกับการสำรวจและวิจัย และจนกว่าจะถึงการประชุมครั้งถัดไปในปี 2028 แม้ว่ารัฐบาลจะต้องเป็นผู้นำ แต่ทุกภาคส่วนในสังคมต่างมีบทบาทในการช่วยปกป้องมหาสมุทร
ปกป้องมหาสมุทร = สนับสนุนทุกคนที่พึ่งพา
ช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมามีหลักฐานแสดงให้ว่าการปกป้องมหาสมุทรไม่ได้เป็นเพียงการสนับสนุนโลกเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนทุกคนที่พึ่งพาด้วย
งานวิจัยล่าสุดชิ้นหนึ่งพบว่า การปกป้องพื้นที่ทางทะเลช่วยเพิ่มปริมาณปลาที่จับได้ โดยเฉพาะปลาที่มีมูลค่าสูง เช่น ปลาทูน่าตาโต (bigeye) และปลาทูน่าครีบเหลือง (yellowfin) ซึ่งเพียงสองชนิดนี้ก็รองรับธุรกิจระดับโลกมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์
รายงานอีกฉบับแสดงให้เห็นว่า พื้นที่อนุรักษ์ทางทะเลไม่เพียงช่วยฟื้นฟูทรัพยากรปลาเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างรายได้และความมั่นคงด้านอาหารให้กับชุมชนชายฝั่งที่อยู่ใกล้เคียงด้วย
แม้จะมีหลักฐาน และมีความก้าวหน้าในการดูแลทรัพยากรมากขึ้น แต่ก็กำลังเผชิญกับแรงต้านอย่างหนัก ตั้งแต่การยกเลิกพื้นที่อนุรักษ์ ไปจนถึงอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้น
รัฐบาล องค์กรระหว่างประเทศและภาคประชาสังคม และองค์กรการกุศล เช่น Schmidt Ocean Institute, Schmidt Sciences, Dona Bertarelli Philanthropy และ Bertarelli Foundation ซึ่งเราร่วมเป็นผู้นำ กำลังก้าวขึ้นมาสนับสนุนความพยายามด้านการสำรวจและปกป้องมหาสมุทร และสิ่งนี้กำลังได้ผล ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนจะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเปลี่ยนจาก “วิทยาศาสตร์ทางทะเล” ไปสู่ “การลงมือปฏิบัติทางทะเล”
น่านน้ำรอบ หมู่เกาะกาลาปาโกส ดินแดนแห่งธรรมชาติที่เต็มไปด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่ของประเทศเอกวาดอร์ คือหนึ่งในตัวอย่างของสิ่งที่เป็นไปได้ ผ่านความร่วมมือระยะยาวระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ หมู่เกาะที่มีชื่อเสียงจากพืชและสัตว์เฉพาะถิ่น ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายเป็นครั้งแรกเมื่อ 50 ปีก่อน
ปัจจุบัน เขตสงวนที่บริหารโดยรัฐบาลเอกวาดอร์ร่วมกับชาวประมงท้องถิ่นและนักวิทยาศาสตร์ เปิดให้มีการประมงและท่องเที่ยวได้ โดยกำหนดกฎที่เข้มงวดมากขึ้นในพื้นที่ที่มีความอ่อนไหว
ล่าสุด เอกวาดอร์ได้เพิ่มพื้นที่ทะเลที่ได้รับการคุ้มครองอีกกว่า 23,000 ตารางไมล์ โดยร่วมมือกับคอสตาริกา โคลอมเบีย และปานามา ภายใต้ข้อตกลงที่ได้รับการสนับสนุนโดย Dona Bertarelli Philanthropy ผ่านโครงการ Pew Bertarelli Ocean Legacy และพันธมิตรอื่น ๆ เอกวาดอร์ได้แปลงหนี้การค้าจำนวน 1.6 พันล้านดอลลาร์ให้เป็นเงินกู้ 656 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะจัดสรรงบประมาณปีละ 12 ล้านดอลลาร์เพื่อกิจกรรมอนุรักษ์ทางทะเลอย่างถาวร
เพื่อเสริมงานนี้ Bertarelli Philanthropy ยังสนับสนุนการพัฒนา “Global Fishing Watch Marine Manager” ซึ่งให้ข้อมูลแบบเปิดและโต้ตอบเกี่ยวกับพื้นที่กาลาปาโกส รวมถึงพื้นที่อื่นทั่วโลก เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ นโยบาย และการวิจัย
ขณะเดียวกันนักวิทยาศาสตร์ยังคงค้นพบสิ่งใหม่ ๆ รอบกาลาปาโกส เรือวิจัยเพื่อการกุศลของ Schmidt Ocean Institute ที่ชื่อ Falkor (too) ได้ทำการสำรวจรอบหมู่เกาะสองครั้งในปี 2023 และพบแนวปะการังขนาดใหญ่บริสุทธิ์สองแห่ง รวมถึงแหล่งพ่นไอน้ำร้อนใต้ทะเล ที่ไม่เคยมีมนุษย์ค้นพบมาก่อน ทั้งหมดถ่ายทอดสดทาง YouTube ฟรีสำหรับผู้ที่ต้องการรับชม
เช่นเดียวกับ Global Fishing Watch Marine Manager การถ่ายทอดสดนี้มอบความเชื่อมโยงใกล้ชิดกับมหาสมุทรให้กับผู้ชมทั่วโลก ต่างจากในอดีตที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีโอกาสสำรวจ และสำรวจได้ไม่ลึกมาก
ทั้งแนวปะการังและแหล่งพ่นไอน้ำใต้ทะเลต่างให้เบาะแสเกี่ยวกับโลกใต้ทะเลลึกที่ยังขาดการศึกษาอย่างมาก และบทบาทของมันในการรักษาสุขภาพของมหาสมุทรโดยรวม และโดยแท้จริงแล้ว คือสุขภาพของทั้งโลก
กาลาปาโกสไม่ใช่สถานที่เดียวที่ พื้นที่อนุรักษ์ทางทะเล (MPA) สร้างประโยชน์ต่อทั้งผู้คนและโลก งานวิจัยล่าสุดของพื้นที่ MPA 59 แห่งที่จัดตั้งโดยรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเริ่มสร้างเครือข่ายเขตอนุรักษ์ตั้งแต่ปี 1999 พบว่ามีปลามากขึ้นและใหญ่ขึ้นทั่วทั้งเครือข่าย โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่ประมงนิยมจับ
สิ่งนี้เกิดขึ้นแม้ว่าแต่ละพื้นที่ MPA จะมีแนวทางในการจำกัดกิจกรรมต่างกัน เช่น การประมง การขนส่ง และการท่องเที่ยว แต่การคุ้มครองที่เข้มงวดและยาวนานกว่ามีผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่า
อ้างอิงข้อมูล
- Time