‘พระเลขาวัดนครสวรรค์’ ยืนยันเรื่องเงินโปร่งใส ชี้ ‘อดีตเจ้าอาวาส’ คบซ้อนสีกาเป็นเรื่องส่วนตัว
จากกรณีอดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ รศ.ดร. อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครสวรรค์ อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ตกเป็นข่าวในโลกโซเชียลว่ามีความสัมพันธ์กับสีกา 2 ราย และมีกรณีร้องเรียนปมการทุจริตเงินบริจาคทั้งจากการก่อสร้างพุทธอุทยานนครสวรรค์ และเงินบริหารภายในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ก.ค. พระครูสุธีธรรมบัณฑิต ดร. ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ หรือพระเลขา ได้เปิดเผยข้อมูลต่อผู้สื่อข่าว โดยชี้แจงว่า เรื่องที่มีหญิงสาวเข้ามาถ่ายรูปหรืออยู่ใกล้กับอดีตเจ้าอาวาส ถือเป็นเหตุการณ์ปกติในงานบุญที่มีผู้คนจำนวนมากเข้าร่วม เช่น งานสมโภชหลวงพ่อศรีสวรรค์ ทั้งนี้ ยืนยันว่าอดีตเจ้าอาวาสมีความระมัดระวังอย่างมากในการปฏิบัติตน โดยแม้แต่น้ำดื่มก็ยังไม่รับจากผู้อื่น และเวลามีญาติโยมหญิงเข้ามาสนทนา จะมีพระภิกษุรูปอื่นอยู่ร่วมด้วยเสมอ
ในประเด็นเรื่องการเงิน พระเลขาเปิดเผยว่า วัดนครสวรรค์พระอารามหลวง มีคณะกรรมการบริหารดูแลบัญชีอย่างเป็นระบบ โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ ส่วนตัวเลขยอดเงินปัจจุบัน ขอให้คณะกรรมการเป็นผู้แถลงจะเหมาะสมกว่า
นอกจากนี้ พระเลขาได้กล่าวชี้แจงในนามวัดนครสวรรค์เพิ่มเติมอีก 2 ประเด็นสำคัญว่า การตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ และเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์นั้น เป็นการตัดสินใจส่วนตัว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อคณะสงฆ์ หรือพระพุทธศาสนาโดยรวม
ขยี้ซ้ำ! โผล่อีกหลักฐานเด็ดอดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ สวมวิกอิงสีกา
ส่วนกรณีข้อกล่าวหาเรื่องการเงิน วัดนครสวรรค์ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากการดำเนินการก่อสร้างพุทธอุทยานดำเนินการในรูปแบบคณะกรรมการ มีระบบเบิกจ่ายและบัญชีชัดเจน แต่การก่อสร้างที่ยังไม่แล้วเสร็จนั้น เกิดจากกรณีผู้รับเหมาก่อสร้างโกงเงินไปกว่า 68 ล้านบาท ซึ่งทางวัดได้ดำเนินการฟ้องร้องและศาลได้มีคำพิพากษาให้ชนะคดีแล้ว
ในนามวัดนครสวรรค์ ยืนยันว่า มีความพร้อมให้ความร่วมมือในการตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอกทุกด้าน พร้อมกันนี้ได้ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนให้นำเสนอข่าวสารอย่างมีวิจารณญาณ และระมัดระวังไม่ให้ข้อมูลที่อาจสร้างความเข้าใจผิดต่อพระพุทธศาสนา รวมถึงวัดในฐานะศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธ
ขณะที่บรรยากาศภายในวัดนครสวรรค์พระอารามหลวงยังคงเป็นไปอย่างสงบ ประชาชนจำนวนหนึ่งยังคงเดินทางมากราบไหว้หลวงพ่อศรีสวรรค์ในโบสถ์ตามปกติ โดยระบุว่า ไม่หวั่นไหวกับข่าวที่เกิดขึ้น เพราะถือว่าเป็นพฤติกรรมของบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาโดยตรง
ทั้งนี้ คดีเกี่ยวกับการเงินและความสัมพันธ์ที่เป็นข่าวยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม จะรายงานให้ทราบต่อไป.