โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

นักลงทุนต่างชาติกังวลความไม่แน่นอนทางการเมือง หวังเห็นความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจ

THE STANDARD

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว • thestandard.co
นักลงทุนต่างชาติกังวลความไม่แน่นอนทางการเมือง หวังเห็นความต่อเนื่องของนโยบายเศรษฐกิจ

ภายหลังเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองขึ้นอีกครั้ง เป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ

อัสเดช คงศิริ กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากงาน Thailand Focus 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-29 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นงานโรดโชว์สำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ได้ปิดฉากลงไปก่อนที่จะมีคำวินิจฉัยดังกล่าวออกมา จึงยังไม่ได้มีความเห็นหรือคำถามจากนักลงทุนต่างชาติในประเด็นนี้

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เดินทางไปโรดโชว์เพื่อให้ข้อมูลนักลงทุนต่างชาติในสิงคโปร์ ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีความเข้าใจ รวมทั้งคุ้นชินกับสถานการณ์การเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม ประเด็นหนึ่งที่นักลงทุนต่างชาติกังวลซึ่งมองว่าเป็นปัญหาสำคัญ คือประเด็นความไม่แน่นอน (Uncertainty) ทางการเมือง ในประเด็นความไม่ต่อเนื่องของนโยบายและการดำเนินโครงการต่าง ๆ เนื่องจากมองว่าแม้รัฐบาลจะมีนโยบายเศรษฐกิจและโครงการลงทุนที่น่าสนใจซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของไทย แต่เมื่อมีการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ก็จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนและส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องในการดำเนินงานของโครงการต่าง ๆ ที่ประกาศไว้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความกังวล

“ในมุมมองของนักลงทุนต่างชาติมองประเด็น Uncertainty หรือความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นปัญหาหนึ่งที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย และเศรษฐกิจไทยที่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติจึงต้องการเห็นความต่อเนื่องในการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจที่เคยประกาศไว้ของรัฐบาลซึ่งเป็นโครงการที่ดีให้เกิดขึ้นแบบเป็นรูปธรรม” อัสเดชกล่าว

ดังนั้น จากการรับฟังความเห็นของนักลงทุนต่างชาติจึงอยากเห็นรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ สามารถดำเนินโครงการและนโยบายเศรษฐกิจที่ดีอยู่แล้วให้มีความต่อเนื่องต่อไป ขณะที่นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ที่มีความเข้าใจในตลาดหุ้นไทยและปัจจัยทางการเมืองอยู่แล้ว ซึ่งจะมีการพิจารณาประเด็นนี้อยู่แล้วในการตัดสินใจลงทุนในตลาดหุ้นไทย

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 SET Index ปิดที่ 1,236.61 จุด ลดลง 13.48 จุด หรือติดลบไป 1.08% ด้วยมูลค่าการซื้อขายประมาณ 5.2 หมื่นล้านบาทโดยแรงซื้อมาจากกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ขณะที่แรงขายมาจากกลุ่มท่องเที่ยว, อสังหาริมทรัพย์, อาหาร, ขนส่ง, ICT, ประกัน และค้าปลีก

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ (1-5 กันยายน) จะมีแนวรับที่ 1,225 และ 1,200 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,245 และ 1,265 จุด ตามลำดับ

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนสิงหาคมของไทย, ประเด็นการเมืองในประเทศ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตและการบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานเดือนสิงหาคม รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือน ส.ค. ของญี่ปุ่น จีน และยูโรโซน ตลอดจนดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนสิงหาคม, ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนกรกฎาคม และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 ของยูโรโซน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...