สส.ปชน. ยื่น ป.ป.ช. สอบบอร์ดพลังงาน 3 ชุด เอี่ยวล็อกสเปกซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
'วรภพ-ศุภโชติ' ยื่น 'ป.ป.ช.' ไต่สวน 'กรรมการพลังงานสามชุด' กรณีรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน จงใจเอื้อประโยชน์นายทุน-ทำค่าไฟแพงหรือไม่ หลังพบข้อพิรุธกระบวนการรับซื้อ ทั้งไม่เปิดประมูล-ล็อกสเปก
8 สิงหาคม 2568 - ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ และ นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ร่วมยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวนการดำเนินการของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กรณีการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ว่ามีการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายหรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่
เนื่องจากแผนจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งประกอบด้วยโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจำนวน 5,203 เมกะวัตต์ และโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมจำนวน 3,668.5 เมกะวัตต์ อาจเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยโครงการ 5,203 เมกะวัตต์ ไม่มีการเปิดประมูลราคารับซื้อ และกำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้า ที่ส่งผลให้ประชาชนต้องแบกรับต้นทุนค่าไฟที่สูงเกินจริงประมาณ 1 แสนล้านบาท
ส่วนโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมจำนวน 3,668.5 เมกะวัตต์ มีการออกประกาศให้ผู้ยื่นข้อเสนอในการรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติม ต้องเป็นผู้ยื่นคำเสนอขายไฟฟ้าในรอบแรกจำนวน 5,203 เมกะวัตต์เท่านั้น เข้าข่ายเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ปิดกั้นการแข่งขันและผู้เล่นรายใหม่ และยังให้ยึดใช้อัตรารับซื้อไฟฟ้ารอบเพิ่มเติมจำนวน 3,668.5 เมกะวัตต์ เป็นอัตราเดียวกันกับการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบแรกจำนวน 5,203 เมกะวัตต์ ขัดกับข้อเท็จจริงที่แนวโน้มต้นทุนทางเทคโนโลยีในภาคพลังงานลดลงอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นการเอื้อประโยชน์จนเกินควรแก่ผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าที่ได้รับการคัดเลือกและจะเป็นการเพิ่มต้นทุนที่ไม่จำเป็นในค่าไฟที่ประชาชนจะต้องเป็นผู้แบกรับ
นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนกรอบระยะเวลาให้เอกชนผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้า ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟฝ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ภายในวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ซึ่งอาจเป็นการกระทำที่ใช้อำนาจหน้าที่ของ กกพ. โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และขัดแย้งกับมติของ กพช. ที่ได้เห็นชอบให้ชะลอการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม 3,668.5 เมกะวัตต์ออกไปก่อน ถือเป็นการไม่ดำเนินการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ และมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นการดำเนินการเพื่อแสวงหาประโยชน์ให้เอกชนโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
จึงขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตามมาตรา 234 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบ พ.ร.ป.ป.ป.ช. มาตรา 28 (1) มาตรา 28 (4) และมาตรา 30 ไต่สวนว่า ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการใน กพช. กบง. และ กกพ. รายใดมีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำการให้เกิดผลเสียต่อการดำเนินนโยบายพลังงานของรัฐ และเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ หรือมีการกระทำเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายหรือไม่
ตลอดจนไต่สวนหาข้อเท็จจริงว่ามีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องเป็นตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน รวมทั้งผู้ให้ ผู้ขอให้ หรือรับว่าจะให้ หรือนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเพื่อจูงใจผู้ถูกร้องให้กระทำการทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือไม่ต่อไป เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ไม่ต้องทนจ่ายค่าไฟที่แพงเกินกว่าที่ควรจะเป็นไปอีก 25 ปี จากการทุจริตต่อหน้าที่หรือจากการทำตามใบสั่งของใคร