เด็กพรรคส้ม หั่นแหลก ‘งบสำนักพุทธฯ’ ลดเงินเดือนพระ เงินอุดหนุนปกครองคณะสงฆ์
สส.ปชน. ตัดเหี้ยน “งบสำนักพุทธฯ” 5,518 ล้านบาท ชี้ใช้จ่ายเงินบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา หลายเรื่องไม่ใช่ภารกิจ พศ. มีความซ้ำซ้อนขัดต่อหลักคำสอนพระพุทธเจ้า ไม่แปลกใจวงการพระสงฆ์ในวันนี้จึงเละเทะมีปัญหา
15 สิงหาคม 2568 - จากนั้นเวลา 13.40 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2569 เข้าสู่การพิจารณามาตรา 27 งบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง และหน่วยงานภายใต้การควบคุมดูแลของนายกรัฐมนตรี วงเงิน 43,111 ล้านบาท
นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 5,518 ล้านบาท ว่าวันนี้ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าการใช้จ่ายเงินแบบนี้เป็นบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา หลายเรื่องไม่ใช่ภารกิจของสำนักพุทธฯ บางเรื่องมีความซ้ำซ้อนขัดต่อหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงไม่แปลกใจที่การดำรงอยู่ของสงฆ์ในวันนี้จึงเละเทะมีปัญหา ส่วนหนึ่งปรากฎข้อเท็จจริงในงบบุคลากร 1,642 ล้านบาท นึกว่าเป็นข้าราชการหรือพนักงานรัฐ แต่ความจริงคือเอาเงินไปให้พระ ขัดตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ห้ามพระถือเงิน
ขณะที่ เงินอุดหนุนอุปถัมภ์นิตยภัต หรือ เงินเดือนพระ 1,233 บาท เป็นการนำเงินภาษีไปใช้จ่ายเป็นเงินเดือนพระสงฆ์ เหมือนเป็นการส่งเสริมความมั่งคั่งให้แก่พระสงฆ์ จึงเสนอตัดงบประมาณส่วนนี้ทั้งหมด รวมถึงเสนอปรับลดงบอุดหนุนปกครองคณะสงฆ์ เงินเดือนรายปี และพัดยศ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่คณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ เสนอตัดงบประมาณได้ จาก 16 ล้านบาท เหลือ 8 ล้านบาท เพราะพระชั้นผู้ใหญ่บังเอิญไปเกือบหมดแล้ว จึงทำให้ตัดงบส่วนนี้ได้ครึ่งหนึ่ง ส่วนงบประมาณพระวินยาธิการหรือตำรวจพระ ปีละ 3 ล้านบาท ความเป็นจริงทุกวันนี้ไม่สามารถปราบอลัชชีได้ แต่กลับพบการทุจริตมากมาย และยังมีการซื้อขายตำแหน่ง จึงเสนอตัดงบประมาณดังกล่าว
“ถึงเวลาที่ต้องจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ที่ผ่านมาขอเอกสารจากสำนักพุทธฯ ก็ไม่มีรายละเอียดว่าเงินอุดหนุนวัดหลวงแต่ละวัดได้เท่าไหร่ ซึ่งวัดมีรายได้อยู่แล้วจากคนทำบุญ ค่าเช่าที่ดิน และอื่นๆ ดังนั้น ต้องเปิดเผยรายละเอียดส่วนนี้” นายภัณฑิล กล่าว
ขณะที่ นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.นนทบุรี พรรคประชาชน อภิปรายในมาตราเดียวกัน ว่า งบสำหรับการเผยแผ่และส่งเสริมพุทธศาสนา โดยสำนักพระพุทธฯ ใช้งบหลายร้อยล้านบาท แต่กลับพบปัญหาใหญ่ 3 ด้านคือ 1.ความไม่คุ้มค่า 2.ไม่ทั่วถึง และ 3.ไม่โปร่งใส เช่น โครงการสร้างขวัญและกำลังใจบุคลากรเผยแผ่ มีการระบุว่า เพื่อเดินทางไปสักการะสังเวชนียสถาน ในประเทศอินเดีย และเนปาล
ซึ่งเมื่อเทียบกับงบประมาณใช้จ่ายไปดูแล้วไม่ตอบโจทย์ในภารกิจของสำนักพระพุทธฯ และไม่มีหลักฐานใดที่ดูแล้วเมื่อกลับมาทำให้ศาสนาหรือการเผยแผ่ศาสนาดีขึ้น หรือโครงการงบอุดหนุนวัดไทยในต่างประเทศใช้งบประมาณ 7 ล้านบาท ให้ 39 แห่ง เป้าหมายพุทธศาสนิกชน 2,700 คน เมื่อเทียบตัวเลขย้อนหลังตั้งแต่ปี 65 จนมาถึงปี 69 จะพบว่างบเพิ่มขึ้นแต่ผู้ที่ได้รับประโยชน์ไม่ได้เพิ่มตาม ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์จากเงินภาษีจำนวนนี้
นอกจากนี้ ประชาชนคนไทยหลายล้านคน ต้องมาทนเห็นข่าวพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมเสื่อม ทั้งกรณีวัดไร่ขิง พระผู้ใหญ่หลายสิบรูป การฟอกเงิน ยาเสพติด ซึ่งคำถามพวกนี้ต้องตอบกลับประชาชนว่า เพราะเป็นผลผลิตที่มาจากการสนับสนุนงบประมาณของสำนักงานของท่านหรือไม่ ดังนั้น จึงเสนอว่าให้ตัดงบประมาณในหมวดนี้ และยกเลิกโครงการทั้งหมด