ฟังแล้วสะอึก ส้มเช้ง เปิดใจตรงๆ ถึงวัดดัง ลั่นหมดศรัทธาแล้วจริง ๆ
ฟังแล้วสะอึก เพจเฟซบุ๊ก อรรถรส-สรุปข่าว รายงาน "ส้มเช้ง สามช่า" เปิดใจ หลังเจอประสบการณ์ตรงทั้งการบริจาค การถวายของ และการใส่บาตร ที่ไม่เป็นอย่างที่คาดคิด จากความอบอุ่นกลับพบความเย็นชาและความไม่โปร่งใส ทำให้เธอหันไปทำบุญกับวัดที่ขาดแคลนแทน ระบุว่า เพิ่งมีโอกาสได้ฟังที่พี่ส้มเช้ง ออกมาพูดถึงประเด็นเกี่ยวกับ "วัดพระบาทน้ำพุ" ฟังแล้วสะอึก เพราะพี่ส้มเช้งพูดชัดว่า "หมดศรัทธาแล้วจริง ๆ"
ประสบการณ์ตรงกับการทำบุญ
- พี่ส้มเช้งเล่าว่าเคยไปช่วยงานร้องเพลงการกุศลให้กลุ่มศิลปินที่มีกล่องรับบริจาคในนามวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งเธอคิดว่าเป็นเจตนาบริสุทธิ์
- ต่อมามีคนกระซิบว่าเงินที่ได้จากการเรี่ยไรมีการ “แบ่ง 70/30” (70% เข้าองค์กร, 30% เป็นค่าตอบแทน) ซึ่งพอรู้แล้วก็รู้สึกสับสนว่าเป็น “บุญ” หรือ “อาชีพ”
- บางคนที่ไปร้องเพลง อาจมองว่าเป็นงาน คือไม่มีทางเลือกอื่นในการหารายได้ เลยต้องใช้วิธีนี้
เคยไปถวายของ แต่กลับผิดหวัง
- พี่ส้มเช้งนำ “โปรตีนหลายลัง” ไปถวาย เพราะรู้ว่าผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้
- แต่เมื่อไปถึงวัด กลับรู้สึกเหมือน “บริษัทเอกชน” มากกว่าวัด มีโต๊ะพนักงาน เลขา ไม่มีพระมารับของ
- เธอและเพื่อน ๆ รู้สึกว่า “ไร้ความยินดี” ไม่มีแม้คำว่า “ขอบคุณ” จากใคร ทำให้รู้สึกเย็นชา ไม่อบอุ่น
- มีเพื่อนเล่าอีกว่า เคยเห็นของบริจาคบางอย่างถูกนำไปทิ้ง หรือเอาออกมาขาย แม้ของจะหมดอายุ
ความรู้สึก “หมดศรัทธา”
- เธอพูดตรง ๆ ว่า "หมดศรัทธาจริง ๆ" เพราะสิ่งที่พบไม่ตรงกับภาพที่เคยศรัทธา
- หลังจากนั้น เธอเปลี่ยนวิธีการทำบุญใหม่ - หันไปช่วยเหลือวัดที่ขาดแคลนจริง ๆ เช่น วัดบ้านนอก หรือวัดที่กำลังจะสร้างสาธารณูปโภค
ประสบการณ์ที่ทำให้ “หยุดใส่บาตร”
- พี่ส้มเช้งเล่าว่าเคยเห็นพระมอง “ซองเงิน” ตอนเธอกำลังจะใส่บาตร แทนที่จะก้มหน้าแบบพระทั่วไป
- บางครั้งพบว่าในบาตรมีแต่ “เงิน” ไม่มีอาหาร จึงรู้สึกว่าเจตนาไม่ใช่การบิณฑบาตแบบดั้งเดิม
- เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เธอรู้สึกว่า "นี่มันช่องทางทำมาหากิน" มากกว่าการบำเพ็ญเพียรของพระ
- ข้อคิดจากพี่ส้มเช้ง
"การทำบุญไม่จำเป็นต้องวิ่งตามกระแส แต่ควรเลือกที่ ๆ ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ" เธอยังทำบุญอยู่เหมือนเดิม แค่เลือกให้ “ถูกที่ ถูกเวลา” เท่านั้น
ขอบคุณ อรรถรส-สรุปข่าว