เปิดแอร์เวลาไหนประหยัดไฟที่สุด? ผู้เชี่ยวชาญทดสอบให้แล้ว คำตอบชวนให้ประหลาดใจ
เปิดแอร์เวลาไหนประหยัดไฟที่สุด? ช่วงกลางวัน หรือตอนกลางคืน คำตอบจากการทดสอบของผู้เชี่ยวชาญชวนให้ประหลาดใจ
ในช่วงฤดูร้อนหรือวันที่อากาศร้อนจัด อุปกรณ์ทำความเย็นในบ้าน เช่น พัดลมและเครื่องปรับอากาศ มักทำงานเต็มกำลังเพื่อรองรับความต้องการของครอบครัว โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศที่ให้ความเย็นได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่า
อย่างไรก็ตาม เครื่องปรับอากาศก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่กินไฟมากที่สุดในบ้าน ดังนั้นเพื่อใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และประหยัดค่าไฟ ผู้ใช้ควรรู้ทั้งข้อมูลและข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้งาน
หนึ่งในข้อมูลที่มีประโยชน์คือ ปริมาณการใช้ไฟของเครื่องปรับอากาศในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งแม้หลายคนจะใช้แอร์มานาน แต่ก็ไม่รู้ว่าช่วงเวลาไหนคือช่วงที่ใช้ไฟน้อยที่สุด
คำตอบจากการทดสอบของผู้เชี่ยวชาญ
หลายคนอาจคิดว่าเครื่องปรับอากาศที่มีกำลังวัตต์กำหนดชัดเจน ไม่ว่าจะเปิดเวลาไหนก็คงใช้ไฟเท่าเดิม แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมีบางช่วงเวลาที่แอร์ต้องทำงานเต็มกำลังเพื่อทำให้ห้องเย็นและรักษาอุณหภูมิ ส่งผลให้กินไฟมากขึ้น ขณะที่บางช่วงเวลาคอมเพรสเซอร์สามารถทำงานช้าลง ทำให้ใช้ไฟน้อยลง
มาดูการทดสอบของทีมวิศวกรในซาอุดีอาระเบีย ที่ทำขึ้นในปี 2019 โดยพวกเขาวัดปริมาณการใช้ไฟของเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง ที่ติดตั้งในห้องต่างกันแต่มีขนาดทำความเย็นเท่ากันที่ 18,000 BTU การทดสอบนี้ใช้เวลารวม 108 วัน ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม ถึง 31 ตุลาคม
ตลอดช่วงเวลาทดสอบ เครื่องปรับอากาศถูกเปิดทำงานตลอดทั้งวันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและเป็นกลางที่สุด ได้มีการติดตั้งเครื่องวัดพลังงานโดยตรง เพื่อบันทึกปริมาณการใช้ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์
เมื่อสิ้นสุดการเก็บข้อมูล ทีมวิศวกรได้นำตัวเลขที่ได้มาวิเคราะห์ แบ่งออกเป็นหลายตารางและแผนภูมิ เพื่อแสดงให้เห็นชัดเจนถึงระดับการใช้พลังงานของแอร์ในแต่ละปัจจัย โดยกราฟด้านล่างนี้จะแสดงปริมาณไฟฟ้าที่เครื่องใช้ไป แยกตามชั่วโมงของแต่ละวันตัวอย่างในเดือนนั้น
โดยภาพรวมแล้ว จะเห็นได้ว่าในทั้ง 4 วันทดสอบ ได้แก่ 21 กรกฎาคม, 21 สิงหาคม, 18 กันยายน และ 21 ตุลาคม ช่วงเวลาที่เครื่องปรับอากาศใช้ไฟน้อยที่สุดคือ ตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงเช้าตรู่ รองลงมาคือช่วง ประมาณ 20.00 – 22.00 น.
กราฟยังแสดงให้เห็นว่าช่วงเที่ยงถึงเย็น ตั้งแต่ 12.00 – 18.00 น. เป็นเวลาที่แอร์กินไฟมากที่สุด โดยเฉพาะระหว่าง 14.00 – 18.00 น. ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในช่วงนี้สูงกว่าช่วงกลางคืน–เช้าตรู่ค่อนข้างมาก
ทำไมเปิดแอร์ตอนกลางคืนถึงกินไฟน้อยกว่า?
ผู้เชี่ยวชาญจากซาอุดีอาระเบียอธิบายว่า การเปิดเครื่องปรับอากาศในช่วงกลางคืนหรือเช้าตรู่ใช้ไฟน้อยกว่าเพราะปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม ช่วงเวลานี้อุณหภูมิภายนอกต่ำ ไม่มีแสงแดดหรือรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ ทำให้ความต่างอุณหภูมิระหว่างภายนอกและในห้องน้อยลง ความดันการควบแน่นของเครื่องก็ต่ำลงตาม
ผลคือ ภาระการทำความเย็นและกำลังการอัดของคอมเพรสเซอร์ถูกปรับลดโดยอัตโนมัติ ทำให้แอร์กินไฟน้อยลง
Michael Rosone วิศวกร HVAC ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร ACHR News ว่า “อัตราการถ่ายเทความร้อนจะแปรผันตามความต่างของอุณหภูมิ เมื่ออากาศภายนอกเย็นลง ภาระความเย็นก็ลดลง แอร์ทำงานเบาลงและประหยัดไฟมากขึ้น”
ในทางกลับกัน ช่วงกลางวัน โดยเฉพาะตอนเที่ยงถึงบ่ายที่อากาศร้อนจัด อุณหภูมิภายนอกสูงมากจนต่างจากอุณหภูมิในห้องอย่างชัดเจน ทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานเต็มกำลังเพื่อคงความเย็น ส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น
นอกจากปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมแล้ว ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ให้เห็นสาเหตุอื่นที่ทำให้การเปิดแอร์ตอนกลางคืนหรือเช้าตรู่ประหยัดไฟกว่ากลางวัน เช่น ลักษณะการใช้งานที่ต่างกัน รวมถึงโหมดการทำงานที่ผู้ใช้เลือก ซึ่งอาจช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องได้
ตามรายงานของ Energy.gov สำหรับเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ ในช่วงกลางคืนหรือเช้าตรู่ ระบบสามารถทำงานในโหมดโหลดบางส่วน ลดความเร็วของคอมเพรสเซอร์ และหลีกเลี่ยงรอบการสตาร์ทเครื่องที่กินไฟมาก ทำให้ประหยัดพลังงานได้ราว 30–50% เมื่อเทียบกับการทำงานต่อเนื่องที่โหลดสูง
ในบางระบบ หากอุณหภูมิภายนอกเย็นสบาย สามารถใช้หลักการ “free cooling” คือการนำลมเย็นจากธรรมชาติเข้ามาแทนการใช้คอมเพรสเซอร์ ซึ่งแทบไม่ใช้พลังงานเลย และในช่วงกลางคืน–เช้าตรู่ ขณะที่ทุกคนในบ้านกำลังนอนหลับ ผู้ใช้หลายคนก็เปิดฟังก์ชันอัจฉริยะอย่าง “ตั้งเวลาปิด” หรือ “โหมดนอนหลับ” ทำให้แอร์ยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรงกับความต้องการ และช่วยประหยัดไฟได้มาก
สรุปได้ว่า ในวันที่อากาศร้อนจัด ควรเปิดเครื่องปรับอากาศในช่วงเย็นและเช้าตรู่ เมื่ออุณหภูมิภายนอกต่ำเพื่อลดภาระการทำงานของเครื่องและประหยัดพลังงาน ส่วนช่วงกลางวันถึงบ่าย ควรใช้แอร์ร่วมกับพัดลมแทนการเปิดแอร์เพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ ควรใช้วิธีป้องกันแสงแดดเข้าสู่ห้อง และลดความร้อนภายในด้วยวิธีธรรมชาติ เพื่อช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานเบาลง ยืดอายุการใช้งาน และไม่สิ้นเปลืองไฟฟ้าเกินจำเป็น