ชายวัย 60 คลำเจอก้อนมะเร็ง หมอบอกสาเหตุยิ่งช็อก เพราะ "ทำท่านี้" ตอนมีเซ็กซ์
ชายคลำเจอก้อนมะเร็ง หมอบอกสาเหตุยิ่งช็อก เพราะ "ทำท่านี้" ตอนมีเซ็กซ์ ติดเชื้อมานาน 40 ปีเพิ่งแสดงอาการ
ชายชาวอังกฤษชื่อ แฟรงค์ เลน วัย 60 ปี จากเมืองเบซิงสโต๊ก มลรัฐแฮมป์เชอร์ เผยเรื่องราวสุดช็อก หลังพบว่ามะเร็งคอของตนเกิดจากการติดเชื้อ HPV (Human Papillomavirus) ที่ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก
ในเดือนพฤศจิกายน 2023 แฟรงค์สังเกตว่ามีก้อนบวมแข็งขนาดเท่าไข่ไก่ขึ้นที่ด้านขวาของลำคอ ตอนแรกคิดว่าเป็นต่อมน้ำเหลืองบวมจากการออกกำลังกายหนัก แต่เมื่อผ่านไปสองสัปดาห์อาการยังไม่ดีขึ้น เขาจึงไปพบแพทย์ และถูกส่งตัวไปตรวจอย่างเร่งด่วน
ผลตรวจเผย ติดเชื้อมานานกว่า 40 ปี
เพียงไม่กี่สัปดาห์ต่อมา การสแกนพบว่าเขาเป็นมะเร็งคอ ซึ่งมีสาเหตุมาจากเชื้อ HPV ที่แพทย์คาดว่าติดมานานราว 40 ปี ตั้งแต่สมัยเข้ารับราชการทหารตอนอายุ 20 ปี เขากล่าวว่า "ผมไม่คิดเลยว่าจะเป็นเพราะหยุดสูบบุหรี่มาแล้ว 10 ปี แต่พอหมอบอกว่าเกิดจากเซ็กซ์ทางปาก ผมช็อกมาก"
การรักษาที่ทรมานที่สุดในชีวิต
เดือนมกราคม 2024 แฟรงค์เริ่มเข้ารับเคมีบำบัด 2 รอบ จากนั้นแพทย์แนะนำให้ทำรังสีบำบัดต่อเนื่อง 6 สัปดาห์ เขาบอกว่าประสบการณ์นี้ "เจ็บปวดกว่าทุกอย่างที่เคยเจอ แม้ตอนอยู่ในกองทัพก็ไม่หนักเท่านี้"
ปัจจุบัน หลังจบการรักษามา 16 เดือน เขาอยู่ในสถานะ "ไม่ปรากฏรอยโรค" (No Evidence of Disease) และเข้าตรวจเช็กทุก 2 เดือน
เตือนอย่ามองข้ามอาการผิดปกติ
แฟรงค์ฝากเตือนว่า หากมีอาการผิดปกติ เช่น ก้อนบวม เสียงเปลี่ยน กลืนลำบาก หรือเจ็บคอเรื้อรัง ควรรีบพบแพทย์ทันที เขายังกล่าวติดตลกว่า "คำแนะนำของผมคือ อย่ามีเซ็กซ์ทางปาก แต่ถ้าทำก็อย่ามองข้ามสัญญาณเตือน"
HPV กับความเสี่ยงมะเร็ง
มะเร็งศีรษะและลำคอครองอันดับ 8 ของมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในสหราชอาณาจักร และพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง 2–3 เท่า
ทุกปีมีผู้ป่วยรายใหม่ราว 12,500 คน และเสียชีวิตประมาณ 4,000 คน
เชื้อ HPV ติดต่อได้จากการสัมผัสใกล้ชิด รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ฉีดวัคซีน HPV เพื่อลดความเสี่ยงต่อมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับเชื้อนี้
อัตราการฉีดวัคซีนในสหราชอาณาจักรยังต่ำ
แม้ NHS จะให้วัคซีน HPV แก่นักเรียนหญิงตั้งแต่ปี 2008 และขยายให้เด็กชายตั้งแต่ปี 2019 แต่อัตราการรับวัคซีนยังต่ำเพียง 56% ในเด็กผู้หญิง และ 50% ในเด็กผู้ชาย ซึ่งต่ำกว่าประเทศเดนมาร์กที่สูงถึง 80%
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ความสับสนและตราบาปเกี่ยวกับวัคซีน รวมถึงการสื่อสารที่มักเน้นเพียงการป้องกันมะเร็งปากมดลูก ทำให้หลายคนไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการฉีด