“ประเสริฐ” ดันนโยบาย Thailand Zero Dropout สุราษฎร์ธานี หนุนเยาวชนเข้าระบบศึกษา 100%
นายประเสริฐ จันทรรวงทองรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ป่าชุมชนบ้านปากลาง ต.ตะกุกใต้ อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาในจังหวัดสุราษฎร์ธานีว่า การดำเนินงานภายใต้ 4 มาตรการหลักมีความก้าวหน้าอย่างชัดเจน โดยสามารถค้นหาเด็กและเยาวชนได้ครบ 16,279 คน หรือ 100% ซึ่งอยู่ระหว่างการส่งต่อเข้าสู่ระบบการศึกษา การเรียนรู้แบบยืดหยุ่น และการพัฒนาทักษะอาชีพที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
โดยการขับเคลื่อนดังกล่าวอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ร่วมกับศึกษาธิการจังหวัด เขตพื้นที่การศึกษา สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัด (สกร.) สมัชชาการศึกษาจังหวัด เครือข่ายสถานศึกษา หน่วยจัดการศึกษา ภาคประชาสังคม และเอกชนในพื้นที่ ร่วมพัฒนาระบบการศึกษาและการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น (มาตรการที่ 3) เพื่อนำการเรียนรู้ไปสู่เด็กๆ ให้สอดคล้องกับเงื่อนไขชีวิตและข้อจำกัด
สำหรับรูปแบบการจัดการศึกษาครอบคลุมการพัฒนาอาชีพหลากหลาย เช่น กลุ่มเลี้ยงผึ้ง อ.วิภาวดี, วิสาหกิจชุมชนท่าสะท้อนฟาร์มเห็ด อ.พุนพิน, ศูนย์สืบสานมโนราห์ปักษ์ใต้บ้านปากลัด อ.เวียงสระ, กลุ่มยุวชนสร้างสรรค์สุราษฎร์ธานี อ.เมือง, สมาคมสวนทุเรียนใต้, เครือข่ายโรงเรียนมือถือ (Mobile School), วัด และภาคเอกชน โดยร่วมกับศูนย์การเรียนมาตรา 12, สกร. และ กสศ. เพื่อให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงการศึกษาอย่างมีคุณภาพ เปลี่ยนทุกพื้นที่เป็นโรงเรียนได้
นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมโยงการเรียนรู้กับศูนย์ดิจิทัลชุมชน ภายใต้การดูแลของกระทรวงดีอี ทำให้การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นกำลังสำคัญของจังหวัด พร้อมกันนี้ นายประเสริฐยังผลักดันการจัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวแก่ผู้เรียนในศูนย์การเรียนตามมาตรา 12 ของ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ซึ่งรอการดำเนินการมานานกว่า 10 ปี เตรียมเสนอเรื่องเข้าสู่คณะรัฐมนตรี เพื่อขยายสิทธิประโยชน์ เช่น อาหารเสริมนม อาหารกลางวัน อุปกรณ์การเรียน เสื้อผ้า/ยูนิฟอร์ม วัคซีน และการตรวจสุขภาพ ให้ครอบคลุมทุกประเภทศูนย์การเรียน ไม่จำกัดเฉพาะสายอาชีวศึกษาในสถานประกอบการ
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างพลังจากพื้นที่ พร้อมสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเรียนรู้และระบบสนับสนุนต่างๆ รวมถึงการสร้างกลไกเชื่อมโยงระหว่างการเรียนรู้ หน่วยกิตทางการศึกษา และการพัฒนาอาชีพ เพื่อให้การพัฒนากำลังคน พื้นที่ และประเทศ เดินหน้าไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ ตามนโยบาย Thailand Zero Dropout